6 เรื่องที่ลูกค้าต้องรู้ก่อนซื้อเครื่องปรับอากาศ
บทความนี้เกี่ยวกับหลักการในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทางร้านนั้นเคยเขียนบทความประเภทนี้ไปแล้วหลายครั้งที่ผ่านมา ผู้อ่านหลายท่านที่ติดตาม อาจเคยได้อ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น วิธีการเลือกซื้อแอร์แบบติดฝ้าเพดาน หรือแอร์แบบคาสเซ็ต รวมไปถึงบทความเกี่ยวกับหลักการการเลือกซื้อแอร์บ้าน และแอร์บ้านยุคใหม่ ที่เหมาะกับผูบริโภคเป็นอย่างยิ่งแต่บทความนี้ เราจะมาเจาะลึกแบบลึกๆ เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เห็นถึงรายละเอียดของการเลือกแอร์แต่ละขั้นตอนเลย
เรื่องที่ลูกค้าจะต้องรู้ก่อนซื้อเครื่องปรับอากาศ ต้องอ่าน!!
หลายหลักเกณ หลายปัจจัย และหลายเหตุผลของแต่ละคนในการหาเหตุผลที่จะเลือกแอร์ราคาหลายหมื่นซักตัว แต่ละคนย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่พอซื้อมาแล้ว อ้าวไม่พอใจ หรือ ลืมคิดถึงอีกเหตุผลหนึ่งไปนั้น นั่นแหละ เซ็งเลย วันนี้เลยจะ รวบรวม เป็นข้อย่อยเพียง 6 ข้อเท่านั้น เพื่อเป็นการพิจารณาเครื่องปรับอากาศของลูกค้าส่วนมากที่มีการซื้อหาแอร์ไปติดบ้าน ว่าเขาคิดกันอย่างไร
1. เลือกตามประเภทแอร์ที่ต้องการ ทั้งรูปแบบเครื่องและขนาด BTU
ข้อนี้เครื่องปรับอากาศที่หลายคนมองหาคงไม่ต้องคิดอะไรกันมากนัก เพราะมีในใจก่อนจะไปเลือกซื้อแล้วด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ต้องเลือกกันอย่าง กล้าๆ กลัวๆเลยก็คือ ค่า BTU นั่นเอง (การหาค่า BTU สามารถหาได้จากบทความนี้ วิธีคำนวนหาค่า BTU ของเครื่องปรับอากาศ) โดยบทความนี้จะเปรียบเทียบระหว่าง แอร์เคลื่อนที่ แอร์ติดผนัง และแอร์ตั้งพื้น / แขวนเพดานให้ดูว่ามันต่างกันอย่างไร
ประเภทแอร์แบบเคลื่อนที่ (ขนาด 6,600 - 15,000 BTU) จุดเด่นอยู่ที่ ขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย ไม่ต้องติดตั้ง สามารถใช้งานได้ทันที แต่ว่าข้อเสียของแอร์แบบเคลื่อนที่ก็คือ ต้องหาวิธีระบายความร้อนออกสู่ภายนอก และหาที่ระบายน้ำทิ้งของแอร์เอง แถมยังมีเสียงดัง และความเย็นเฉพาะจุด ไม่ทั่วถึง
ประเภทแอร์แบบติดผนัง (ขนาด 9,000 - 36,000 BTU) เป็นแอร์มาตรฐาน มีจุดเด่นที่การทำงานเงียบ รูปทรงสวยงาม ไม่เปรืองพื้นที่ และมีให้เลือกมากมาย แต่ข้อจำกัดครงที่ ต้องติดที่ผนังเท่านั้น แถมยังมีการกระจายลมน้อยกว่าแอร์แบบติดผนังและแบบแอร์แบบแขวนเพดาน
ซึ่งโดยรวมแล้วนั้น เราจะต้องเลือกเครื่องปรับอากาศ ที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ และความต้องการใช้งานในแต่ละสถานที่ และที่สำคัญจะลืมไม่ได้เลยก็คือ จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม หรือ มอก.
2. เลือกขนาดความเย็นที่เหมาะกับขนาดห้องและการใช้งาน
หรือพูดง่ายก็คือเพื่อ เซฟค่าไฟ ที่จะต้องจ่ายโดยไม่จำเป็น โดยค่า BTU นั้นเป็นตัวกำหนดความเย็นของเครื่องปรับอากาศนั่นแหละ ซึ่งหาดูได้จาก จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องติดแอร์กี่ BTU ซึ่งหลายท่านงบเยอะ ขี้เกียจคิด ก็เลยจะ BTU สูงสุดไปซะเลย แต่!! มันมีข้อเสียอยู่นะ
หากว่าค่า BTU ต่ำเกินไป จะทำให้คอมเพรสเซอร์ (Compresser) ทำงานหนักทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน เปลืองค่าไฟ และแอร์จะเสียเร็ว
หากว่าค่า BTU สูงเกินไป คอมเพรสเซอร์ (Compresser) ตัดบ่อยเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมลดลง ห้องมีความชื้นมากเกินไป แถมแอร์ยังราคาแพงและทำให้เปลืองไฟอีกด้วย
เห็นไหมหละ การเลือกเครื่องปรับอากาศ ที่มีขนาด BTU ที่ดีและเหมาะสมนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้แอร์ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
3. เลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากหน่วยงานการไฟฟ้า
เลือกเพื่อเป็นการรับรองในการประหยัดพลังงาน และเป็นการเพิ่มความมั่นใจ ว่าคุณจะได้แอร์ที่มีคุณภาพสมราคา และเป็นแอร์แบบของแท้จากผู้ผลิตจากโรงงาน จึงควรมองหาแอร์ที่มีสัญลักษณ์ต่อไปนี้
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- ฉลาก มอก. (มี มอก.1155 และ มอก.2134)
หากมี 2 เครื่องหมายนี้ถูกต้องแล้วรับรองได้ว่า คุณจะได้รับรองคุณภาพว่าเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพการทำความเย็น ตามที่กฏหมายกำหนด หรือว่าค่า EER มากกว่า 11.6 แน่นอน
4. ค่าไฟหลังจากใช้งานแล้ว ค่าพลังงานที่เสียไปคุ้มไหม
ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องปรับอากาศ เครื่องแอร์นั้น จะมีแผ่นสติกเกอร์ หรือแผ่นโลหะติดที่ตัวเครื่องอยู่แล้ว เพื่อแสดงปริมาณไฟฟ้าที่มีการใช้งาน (หน่วยเป็นวัตต์) ซึ่งเครื่องปรับอากาศแทบทุกชนิดนั้น มีการกินไฟที่ถือว่าเยอะอยู่แล้ว เราจึงควรให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก่อนส่วนอื่นๆในบ้านเลย ซึ่งควรใช้พิจารณาประกอบการซื้อ เพื่อที่จะได้ใช้แอร์ตามการใช้งานจริงๆ ให้ประหยัดไฟ
หากเป็นบ้านพักอาศัย ติดแอร์ในห้องนอน ก็ควรจะประมาณ 12,000 BTU ก็เพียงพอแล้ว อันนี้แล้วแต่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมด้วย อ้อ! เกือบลืมว่า ค่าไฟ หรือพลังงานที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศนั้น แปรผันตรงกับค่า BTU ของเครื่องแอร์เลยนะจ๊ะ (BTU เยอะ = กินไฟเยอะ)
5. คุณสมบัติอื่นๆ และรูปทรงหรือดีไซน์
โอ้อันนี้หลายท่านเอามาเป็นปัจจัยแรกในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ (ไฮโซอะ) แต่จริงๆแล้ว ควรเอาไว้ท้ายๆเลย แต่ว่าคุณสมบัติที่แถมมา ไม่ใช่สิ ที่ติดมานั้น จะเป็นการเพิ่มมูลค่าของตัวเครื่องปรับอากาศอีกที แต่ก็ถือว่าน่าใช้งาน เพราะแต่ละอย่างนั้น แปลกใหม่ทั้งนั้นเลย แถมยัง Buit - in อีกด้วย ไม่ต้องซื้อแยกกัน เช่น ฟิลเตอร์กรองอากาศ ตัวกำจัดแบคทีเรีย เซ็นเซอร์ความร้อน ระบบ Inverter
โดยสิ่งแรกที่จะพูดถึงนั้น คือระบบกรองอากาศในตัวเครื่องปรับอากาศที่แถมมาให้ซึ่งแม้จะไม่เท่าเทียมกับเครื่องฟอกอากาศ แต่ก็พอทดแทนกันได้ในระดับหนึ่ง สามารถอ่านได้จาก ประเภทและชนิดของแผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศ
และสิ่งที่หลายคนคิดว่าจะซื้อดีหรือไม่ซื้อดี ซึ่งหากมีระบบนี้ติดตั้งอยู่ ราคาเครื่องแอร์จะแพงขึ้น นั่นก็คือระบบ Inverter ซึ่งการตัดสินใจนั้น แล้วแต่ความชอบเลยจ้า แต่หากไม่ทราบว่าระบบอินเวอร์เตอร์ดีอย่างไร สามารถอ่านได้จากบทความนี้เลย เครื่องปรับอากาศ อินเวอร์เตอร์ inverter ประหยัดไฟ หรือ กินไฟมากกว่าเดิม
6. การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และการเตรียมพร้อมในการบำรุงรักษา
ซึ่งการติดตั้งนั้นจะต้องติดตั้งจากช่างแอร์ผู้ชำนาญการ และผู้ใช้งานเองยังต้องมีการวางแผนการซ่อมบำรุง และตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงการล้างแอร์อย่างเหมาะสม ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศนั้น จะช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น แถมยังมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นที่ดีขึ้น โดยรายละเอียดนั้น สามารถอ่านได้จาก ตำแหน่งการเลือกติดตั้งแอร์ที่เหมาะสม
เป็นอย่างไรกันบ้าง จะเลือกซื้อแอร์ซักเครื่อง ต้องคิดเยอะเลย ที่คิดเยอะไม่ใช่เพราะอะไร แต่ว่า เพราะเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นผลิตภัณท์ที่จะอยู่กับเราไปอีกยาวนาน หากซื้อครั้งเดียว แล้วได้ผลไม่พอใจ จะอารมเสียไปอีกนานเลยจ้า ยังไงก็คิดก่อนซื้อนะจ๊ะ เพราลูกค้าเลือกได้เสมอจ้า