“เพ้ง” โล่ง วิกฤติไฟฟ้า 5 เม.ย.มีทางออก หลังกฟผ.บริหารจัดการเพิ่มไฟสำรองเป็น 1,100 เมกะวัตต์ และทุกภาคส่วนร่วมลดการใช้ไฟ รวมถึงกลุ่มเอสซีจีให้ความร่วมมือ คาดอาจพีคไม่ถึง 26,300 เมกะวัตต์ ตามที่ประเมิน

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2556 นายพงษ์ศักดิ์ รัตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยถึง
สถานการณ์ล่าสุด เกี่ยวกับความวิตกกังวลด้านพลังงาน ระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย.นี้ ซึ่งพม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติมายังไทย ว่า จะทำให้ปริมาณไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยลดลงเหลือเพียง 750 เมกะวัตต์ ซึ่งล่าสุด กฟผ.ได้เข้าไปบริหารจัดการให้โรงไฟฟ้าเอกชน และเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากลาวและมาเลเซีย ทำให้ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ปริมาณไฟฟ้าสำรองจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,100 เมกะวัตต์ ทำให้รู้สึกโล่งใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาร้ายแรงทั้งกรณีความเสี่ยงไฟฟ้าตกหรือดับในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคใต้

นอกจากนี้ กฟผ.ได้รายงานว่า
จะมีการสำรองไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงพม่าหยุดส่งก๊าซ รวมทั้งข่าวที่ออกไปในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างและปลุกจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมใจที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการลดการใช้ไฟฟ้าในวันที่ 5 เม.ย. โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ที่ยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทำให้มีแนวโน้มว่า ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีคในวันที่ 5 เม.ย.อาจสูงไม่ถึง 26,300 เมกะวัตต์ ตามที่กฟผ.ประเมินไว้
โดยสาเหตุที่คาดว่าพีคจะพุ่งสูงสุด เนื่องจากคาดการณ์ว่า สภาพอากาศในวันดังกล่าวจะร้อนรุนแรงที่สุดในรอบปีนี้ แต่เมื่อทุกภาคส่วนรวมใจกันประหยัดการใช้ไฟฟ้า จะทำให้พีคลดต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าพีคในวันที่ 5 เม.ย. จะอยู่ในระดับใด

ด้านนายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติการ เอสซีจี เคมิคอลส์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานเอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี จะร่วมมือกับรัฐบาลในการลดการใช้ไฟฟ้าในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ทั้งในพื้นที่สำนักงานใหญ่ บางซื่อ และโรงงานต่างๆ ในธุรกิจของเอสซีจี ทั่วประเทศ ประกอบด้วยโรงงานปิโตรเคมี ปูนซิเมนต์ โดยจะปรับแผนการเดินเครื่องจักร แผนการซ่อมบำรุงเครื่องจักร และปิดการใช้เครื่องปรับอากาศ ในสำนักงานของโรงงานทั่วประเทศ ในวันดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ 100 เมกะวัตต์