เรื่องน่ารู้ บอกไว้เป็นแนวทาง สำหรับผู้ที่จะติดตั้งแอร์
เปิดอ่าน 62,844
- เวลาติดตั้งแอร์ ให้ติดแอร์ในตำแหน่งที่พ่นลมไปทางด้านยาวของห้อง เช่นห้องขนาด 4x6 เมตร แอร์ต้องอยู่ด้าน 6 เมตรแล้วส่งลมไปตามยาว
- ถ้า เป็นห้องนอน หากเป็นไปได้ติดแอร์ให้พ่นลมโดนบริเวณที่นอน แล้วตั้งให้ส่ายไปมา ทำให้รู้สึกเย็นมากโดยไม่ต้องตั้งแอร์ให้ทำงานที่อุณหภูมิต่ำๆให้เปลืองไฟ
- ที่ เชียร์ไดกิ้นเพราะ ไม่ว่าจะซื้อร้านไหน ถ้าแอร์มีปัญหาในช่วง 1 ปีแรก โทรตามศูนย์ไดกิ้นได้เลย ช่างมาเร็ว ไม่ต้องไปคุยกับร้านที่คุณซื้อเลย ดังนั้นจะซื้อร้านไหนก็ไม่สำคัญ เน้นที่ราคาถูก ช่างติดตั้งทำงานเรียบร้อย
- บอกช่างด้วยว่าให้แวคอากาศออกจากระบบ 30 นาทีก่อนปล่อยน้ำยา ห้ามใช้น้ำยาแอร์ไล่อากาศเด็ดขาด
- อย่าลืมให้ช่างต่อสายดินให้แอร์ด้วย
- หุ้ม ฉนวนท่อแอร์ทั้ง 2 ท่อต้องหุ้มแยกกัน แอร์ใหม่เดี๋ยวนี้จะให้ท่อมาแค่ 4 เมตร ถ้าใครต้องเดินท่อยาวกว่านั้นต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่พยายามให้ท่อสั้นที่สุด ยิ่งท่อยาวแอร์จะเสียกำลังในการทำความเย็นไป
- เวลาติดตั้งแอร์ให้ด้านบนของคอล์ยเย็นต่ำกว่าเพดาน 1 ฟุต เวลาล้างจะล้างง่าย
- คอล์ยร้อนให้ติดตั้งในที่ที่สะดวกต่อการติดตั้งและซ่อมบำรุง เวลาล้างจะล้างได้เอง
- เวลา ช่างมาล้างแอร์ สั่งเลยว่า ห้ามวัดน้ำยา ห้ามเปิดจุกเติมน้ำยาเด็ดขาด และห้ามเติมน้ำยา แอร์เย็นดีอยู่แล้ว ไม่งั้นช่างจะมั่วนิ่มหาเงินเพิ่มด้วยการเติมน้ำยาทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพราะแอร์เป็นระบบปิด น้ำยาจะไม่รั่วไหลไปไหน แอร์ที่บ้านผมอายุ 12 ปียังเย็นโดยไม่ต้องเติมน้ำยาเลย
- ไม่แนะนำแอร์ SJ เพราะเห็นแต่กระทู้บ่นทั้งนั้น ที่แน่ๆคือเสียงดังมาก บางคนก็บ่นว่าช่างตามยาก แก้ปัญหาไม่ได้
- ไม่แนะนำแอร์เกาหลี เพราะราคาสูสีหรือแพงกว่าแอร์ญี่ปุ่น แต่แอร์ญี่ปุ่นแน่นอนกว่าทั้งบริการหลังการขาย อะหลั่ย คุณภาพ
- บ้าน ที่ใช้มิเตอร์ไฟ 5 แอมป์ติดแอร์ 13000 btu ได้ 1 ตัวเท่านั้น มิเตอร์จ่ายกระแสได้เต็มที่ 15 แอมป์ แอร์ 13000 btu กินกระแสไฟแถวๆ 5 แอมป์ แต่ต้องเผื่อเวลาคุณใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆด้วย
- บ้านที่ใช้ มิเตอร์ไฟ 15 แอมป์ติดแอร์ 13000 btu ได้หลายตัว มิเตอร์จ่ายกระแสได้เต็มที่ 45 แอมป์ แอร์ 13000 btu 1 ตัวกินกระแสไฟแถวๆ 5 แอมป์ บวกกระแสไฟที่แอร์ทุกตัวใช้ บวกกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆด้วย
- ช่วง นี้อากาศร้อนมาก แอร์จะเย็นช้ากว่าปกติ ไม่ได้หมายความว่าน้ำยาแอร์ขาดอย่างที่ช่างแอร์บางคนอ้างจะหาเรื่องเติมน้ำยาแอร์กินเงินคุณโดยไม่จำเป็น
- แอร์ที่ติดตั้งแล้วมีน้ำไหลออกมามาก ทางท่อน้ำทิ้ง หรือมีหยดน้ำเกาะที่ท่อแอร์นั้นเป็นอาการที่ดี แสดงว่าแอร์มันเย็นมาก น้ำถึงเกาะท่อแอร์ ส่วนน้ำทิ้งออกมามากแสดงว่าในห้องมีความชื้นสูง แอร์จะดูดความชื้นออกจากห้องจนหมด แต่ห้องไม่ควรชื้นมาก เพราะแอร์จะทำงานหนักและกินไฟกว่าปกติ
- การล้างแอร์ให้ล้างก็ต่อเมื่อ พัดลมกรงกระรอกในคอล์ยเย็นตัน ไม่ได้ระบุว่าต้องล้างทุก 3-4 เดือน ตันเมื่อไหร่ก็ล้าง ถ้าเปิดแอร์บ่อยมันตันเร็วก็ล้างก่อน 3 เดือน ถ้าไม่ค่อยเปิด แอร์ตันช้า 5-6 เดือนค่อยล้างก็ได้
- เวลาล้างแอร์ใช้น้ำเปล่าล้างก็พอ ไม่ต้องใช้โฟมกระป๋องราคา 200 กว่าบาทนั่นหรอก เปลืองเงิน แล้วก็ไม่ได้สะอาดกง่ากันเลย
- เวลา ฉีดน้ำล้างคอล์ยร้อน ให้ฉีดจากด้านในแผงระบายความร้อน ออกมาด้านนอก ฉีดจากด้านบนแผงเฉียงลงล่างแผง ห้ามฉีดอัดจากนอกแผงเข้าในแผงเพราะจะดันฝุ่นให้ติดเข้าไปลึก ล้างออกยาก
- แรงดันน้ำยาแอร์ในท่อ Low presssure ปกติจะอยู่ช่วง 68-75 psi ช่วงนี้อากาศร้อนมาก แรงดันน้ำยาอาจขึ้นสูงกว่านี้ ไม่ได้หมายความว่าน้ำยาแอร์เกิน แล้วไปปล่อยออก จริงๆแล้วน้ำยาแอร์มันพอดีมาจากโรงงานแล้ว ที่วัดความดันได้สูงเพราะอากาศร้อน ไม่ต้องปล่อยน้ำยาออก
- ถ้าแอร์มี น้ำยาน้อย หรือน้ำยาขาดไป อาการคือแอร์ไม่ค่อยเย็น ถ้าไปดูท่อแอร์นอกบ้านจะพบว่าน้ำแข็งเกาะท่อแอร์เลย แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าแอร์ไม่ตัน ล้างพัดลมกรงกระรอกสะอาดแล้ว เพราะแอร์ตันก็ไม่เย็นเช่นเดียวกัน
- แอร์เก่าๆอายู 15-20 ปีกินไฟมาก เสียงดัง ถ้ามีโอกาสก็เปลี่ยนใหม่ ราคาตอนนี้ก็ไม่ได้แพงอะไร ประหยัดค่าไฟไปเยอะ
- ตั้ง อุณหภูมิเท่าไรที่แอร์ประหยัดที่สุด ทางการรณรงค์ให้ตั้งที่ 25 องศา ไม่ได้หมายความว่าที่ 25 องศาประหยัดที่สุด เพียงแต่ 25 องศาเป็นอุณหภูมิที่เรากำลังเย็นดีและแอร์ก็กินไฟไม่มากจนเกินไป ถ้าอยากประหยัดไฟต้องตั้งอุณหภูมิให้สูงที่สุดเท่าที่ยังรู้สึกเย็นสบายอยู่ อาจตั้ง 27 หรือ 28 องศาแล้วเปิดพัดลมแบบตั้งพื้นช่วย พัดลมกินไฟน้อยกว่าแอร์มาก เปิดพัดลม 1 ตัวกับแอร์ที่ 28 องศารับรองว่าค่าไฟถูกกว่าตั้งที่ 25 องศามาก