อากาศร้อนขึ้นทุกปี ส่งผลให้ตลาดติดแอร์ ปี 2556 เติบโตพุ่งขึ้น 21%
เปิดอ่าน 543
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทยสดใส เพราะเมื่อย้อนกลับไปปี 2555 ที่ผ่านมา ยอดขายเครื่องปรับอากาศในประเทศมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากแรงซื้อเครื่องปรับอากาศเพื่อทดแทนเครื่องที่ชำรุดจากผลกระทบน้ำท่วมในปี 2554 อากาศที่ร้อนขึ้น การขยายตัวของที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเขตหัวเมืองใหญ่ มาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ตลาดเครื่องปรับอากาศโดยรวมของปี 2555 มีมูลค่า 21,213 ล้านบาท เติบโต 31.5% และมีจำนวนยอดขายเครื่องปรับอากาศประมาณ 1.3 ล้านเครื่อง ขยายตัว 27.2%
สำหรับแนวโน้มโดยรวมในปี 2556 นั้น น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนหลากหลาย เช่น การเติบโตของคอนโดมิเนียมที่น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และอากาศร้อนที่มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา กระแสการประหยัดพลังงานซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวก่อนหน้า เป็นผลให้แนวโน้มเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์มีสัดส่วนการจำหน่ายสูงขึ้น การออกโปรโมชั่นทางการตลาดของผู้ผลิตเพื่อจูงใจผู้บริโภค เป็นต้น จะเห็นได้จากยอดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ 2 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 248,161 เครื่อง ขยายตัว 21.% เมื่อเทียบกับช่วงเดียกันกับปีที่ผ่านมา
"สำหรับแนวโน้มโดยรวมในปี 2556 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า
ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศปี 2556 นี้
น่าจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สืบเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้"
แนวโน้มการเติบโตของที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
แนวโน้มที่อยู่อาศัยปี 2556 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2555 โดยที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้วในระดับ 100,000 ยูนิต นอกจากนี้ สำหรับที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เช่น อุดรธานี ขอนแก่น และนครราชสีมา เป็นต้น ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวอย่างคึกคัก คาดว่าจำนวนห้องชุดสร้างเสร็จทั่วประเทศในปี 2556 จะมีประมาณ 80,000-85,000 หน่วย เพิ่มขึ้นเทียบกับปี 2555 ที่มี 74,100 หน่วย ซึ่งทำให้ความต้องการเครื่องปรับอากาศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
แนวโน้มสภาพอากาศร้อนขึ้นที่มาเร็วกว่าปกติ
จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา อุณหภูมิสูงสุดของเดือนมีนาคมปีนี้ซึ่งเป็นต้นฤดูร้อนได้ทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสิบปีของช่วงเวลาเดียวกันในหลายพื้นที่ของประเทศ เช่น กรุงเทพฯ อุณหภูมิทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 40.1 องศาเซลเซียส สูงสุดในรอบ 62 ปี เป็นต้น ในขณะที่อุณหภูมิก็ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงกลางเดือนเมษายน แสดงถึงสภาพอากาศที่ร้อนจัดของฤดูร้อนปีนี้ที่มาเร็วกว่าปกติ ทำให้ยอดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศขยายตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งมีแนวโน้มจะซื้อเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นแม้ว่าหลาย ๆ ครัวเรือนจะมีเครื่องปรับอากาศแล้วก็ตาม ส่งผลให้ตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศมีความคึกคักขึ้นอย่างมาก หลาย ๆ ตัวแทนจำหน่ายมีปัญหาช่างติดตั้งไม่เพียงพอกับความต้องการเครื่องปรับอากาศในช่วงฤดูร้อนนี้
กำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดสูงขึ้น
กำลังซื้อในต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขั้นจากหลาย ๆ ปัจจัย โดยเฉพาะการขยายตัวของธุรกิจทั้งภาคการผลิตและบริการสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของการค้าชายแดนที่ขยายตัวสูง โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายแดนพม่า ลาว และกัมพูชา อีกทั้งการลงทุนและนโยบายเพิ่มรายได้ประชาชนของภาครัฐจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ประชาชนในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะทำให้ยอดขายในต่างจังหวัดเติบโตสูงเนื่องจากจำนวนเครื่องปรับอากาศต่อครัวเรือนมีอัตราที่ต่ำในต่างจังหวัด เมื่อเทียบกับตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงมีช่องว่างที่จะขยายตัวได้อีกมาก
การขยายตัวของช่องทางการจัดจำหน่าย
เนื่องจากการขยายตัวของที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีก โดยเฉพาะดิสเคาน์สโตร์และห้างสรรพสินค้ามีการลงทุนออกไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งในปี 2556 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจำนวนสาขาดิสเคาส์สโตร์จะขยายตัถึงร้อยละ 8-10 และห้างสรรพสินค้าจะขยายตัวถึง 10-13% ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศน่าจะขยายตัวไปด้วยกับช่องทางดังกล่าว ทั้งนี้อีกช่องทางหนึ่งที่น่าจับตามองคือ ช่องทางขายตรง (Direct sales) ซึ่งกำลังได้รับการตอบรับที่ดีในลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งใช้กลยุทธ์การขายเข้าถึงลูกค้าแต่ละรายถึงที่บ้านและมีโปรโมชั่นเงินผ่อน นอกจากนี้ การเปิด 3G ความนิยมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของผู้บริโภค ยังทำให้การซื้อเครื่องปรับอากาศผ่านค้าปลีกออนไลน์มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันกระตุ้นตลาดโดยค่ายหลักอย่างญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
จากอุณหภูมิที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น เป็นแรงดึงดูดให้เครื่องปรับอากาศแบรนด์จีนชั้นน้ำ เข้ามาตั้งโรงงานเพื่อรุกตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเจาะตลาดด้ยการใช้กลยุทธ์ด้านราคา เช่น ราคาเครื่องปรับอากาศขนาด 9000 BTU/ชั่วโมง แบรนด์จีนประมาณ 11,000 บาท ซึ่งมีราคาต่ำกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่ราว 20% และต่ำกว่าแบรนด์เกาหลีอยู่ยาว 10% เป็นต้น และยังเพิ่มระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานขึ้น ทำให้แบรนด์ดังอย่างญี่ปุ่นและเกาหลี ต้องปรับตัวโดยเพิ่มความหลากหลายของรุ่นสินค้าเพื่อจับกลุ่มตลาดแตกต่างกันไปพร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ การออกแคมเปญกระตุ้นการซื้อ เช่น ระบบผ่อนศูนย์เปอร์เซ็นต์การจ่ายค่าไฟฟ้าให้เดือนแรก เป็นต้น ตลอดจนการตอกย้ำผู้บริโภคถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
นอกเหนือจากปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น การขยายตัวของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศปี 2556 ยังคงต้องจับตามองปัจจัยท้าทายจากแรงกดดันของหนี้ภาคครัวเรือน เนื่องจากปัจจุบันประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากภาระการผ่อนชำระรถยนต์คันแรกและบ้านหลังแรกที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากปีก่อนหน้า รวมถึงราคาสินค้าต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งปัจจัยค่าครองชีพและภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอาจมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้อาจมีการชะลอการซื้อเครื่องปรับอากาศออกไป
จากแนวโน้มและปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าภาพรวมของมูลค่าเครื่องปรับอากาศในประเทศปี 2556 จะมีมูลค่าประมาณ 24,230 – 25,700 ล้านบาท หรือมีมูลค่าขยายตัวประมาณ 14.2-21.1% และมีปริมาณการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ 1.5-1.6 ล้านเครื่อง หรือขยายตัว 10.7-17.4% อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวดังกล่าวต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 27.2% สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากฐานที่สูงในปี 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากแรงหนุนที่สำคัญ เช่น การซื้อเพื่อทดแทนความเสียหายจากน้ำท่วม ปี 2554 มาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาลเป็นต้น