สสนก. ชี้ ฝนตกหนักในกรุงเทพ เพราะเครื่องปรับอากาศปล่อยความร้อนทั้งวัน ทั้งคืน
เปิดอ่าน 242
ฤดูฝนมาแล้ว “รอยล” ชี้ปีนี้ฝนมาเร็วและปริมาณมาก ให้ระวัง 40 จังหวัด เสี่ยงภัยน้ำท่วม พื้นที่ลาดเชิงเขาเสี่ยงดินถล่ม ขณะที่ กทม.จ่อเจอหนักกว่า จากปรากฏการณ์ “โดมความร้อน” จู่โจม จากความร้อนในเขตเมืองพุ่ง ระบุเขตราชเทวี สีลม สุขุมวิท ฯลฯ เต็มไปด้วยห้างใหญ่ อาคารสูง คอนโดมิเนียม ล้วนใช้เครื่องปรับอากาศ ปล่อยความร้อนทั้งวันทั้งคืน ส่งผลอากาศยิ่งร้อนระอุ พอเจอลมพัดความร้อนไปปะทะความชื้นในพื้นที่เย็นกว่า ทำให้เกิดฝนตกหนัก พร้อมยกตัวอย่างฝนถล่มดอนเมืองเมื่อช่วงต้นเดือน รุนแรงถึงขั้นเครื่องบินลงจอดไม่ได้ เตือนจากนี้ไปคนกรุงจะเจอสภาพอากาศแปรปรวนถี่ขึ้น
หลังจากการเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเมื่อปี 2554 แต่มาปีนี้หลายพื้นที่กลับแล้งจัด ทำให้ภาครัฐคิดหาทางวางระบบบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ จ.แพร่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เป็นประธานเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำ จ.แพร่ และมอบอุปกรณ์ติดตามสถานการณ์น้ำอัตโนมัติ โดยนายวรวัจน์กล่าวว่า จ.แพร่ เป็นพื้นที่ที่ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซาก การบริหารจัดการน้ำเป็นระบบจึงเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยข้อมูลที่มีและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะร่วมกันแก้ปัญหา ทั้งนี้ เวลานี้ ทั่วประเทศมีข้อมูลพื้นฐาน เช่น เรื่องแผนที่จังหวัดอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์สูงสุดสำหรับบริหารจัดการน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดที่ จ.แพร่ นี้จะเป็นต้นแบบสำหรับให้พื้นที่จัดการน้ำด้วยตนเอง แทนที่จะให้ส่วนกลางเป็นผู้จัดการให้เหมือนที่ผ่านมา
จากนั้นนายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) บรรยายสถานการณ์น้ำว่า สสนก.ได้พัฒนาระบบคลังข้อมูลน้ำ และภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ และสภาพอากาศ ทั้งข้อมูลพื้นที่ สถิติ สถานการณ์น้ำปัจจุบัน การคาดการณ์ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันให้เป็นระบบข้อมูลกลาง เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดเพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นมีข้อมูลสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากท้องถิ่น เข้าสู่คลังข้อมูลน้ำ และภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติงานทุกสถานการณ์ โดยขณะนี้ สสนก.ได้ทำข้อมูลระดับจังหวัดแล้ว 51 จังหวัด และจะทำให้ครบทั้ง 76 จังหวัดภายในปี 2557 ที่สำคัญ สสนก.ยังสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด นำร่องที่ จ.แพร่ และสุโขทัย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำมาตลอด
นายรอยลกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ฝนในปี 2556 ยังคงมีปริมาณฝนมากตั้งแต่เดือน มิ.ย.ถึงเดือน ส.ค. สูงกว่าเกณฑ์ปกติต่อเนื่องถึงเดือน ต.ค. โดยฤดูฝนปีนี้มาเร็วโดยอิทธิพลของฝนจะเกิดจากอิทธิพลท้องถิ่น คือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงและลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางค่อนข้างแรง ทำให้มีปริมาณฝนมาก ซึ่งขณะนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มทำนาหว่านกันแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะเกิดฝนตกที่ภาคกลางช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 11-13 มิ.ย.
โดยจะรุนแรงที่ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และตราด ที่สำคัญในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.จะเกิดฝนตกหนักพาดผ่านเป็นแนวขวาง ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคตะวันออก โดยเริ่มก่อตัวที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน มาหนักที่ จ.ตาก พาดผ่าน จ.ลพบุรี จันทบุรี ไปจนถึง จ.ตราด ซึ่งฝนที่ตกพาดผ่านแนวเฉียงดังกล่าว จะส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล ที่ จ.ตาก แต่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลาดเชิงเขา ที่จะมีน้ำไหลหลาก อาจจะทำให้ดินถล่ม ดังนั้นต้องเฝ้าระวังให้ดี
“ฝนที่ตกในช่วง 11-13 มิ.ย. เป็นฝนธรรมดา แต่มีความรุนแรงมากกว่าปกติจากความแปรปรวนของสภาพอากาศและธรรมชาติ ส่วนพายุ ขณะนี้เริ่มก่อตัวแล้ว รุนแรงหรือไม่ยังตอบไม่ได้ แต่ถ้าดูจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเจอกับพายุเฮอริเคน ถือว่าหนักกว่าปี 2554 โดยในปี 2554 สหรัฐอเมริกาเจอพายุเฮอริเคนมากที่สุดในรอบ 50 ปี แต่ปี 2556 สหรัฐอเมริกากลับเจอพายุเฮอริเคนหนักกว่าปี 2554 อีก ไม่ต้องพูดถึงภาวะน้ำท่วมที่ยุโรปที่หนักที่สุดในรอบ 10 ปี เพราะฉะนั้น ประเทศไทย เจออุทกภัยปี 2554 จากพายุประมาณ 5 ลูก ในปี 2556 จึงไม่ควรประมาท เพราะว่าธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงมาก ขณะนี้มีจังหวัดของประเทศไทยที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมถึง 40 จังหวัด เช่น นครสวรรค์ สุโขทัย พิจิตร เป็นต้น” นายรอยลกล่าว
นายรอยลกล่าวอีกว่า ความผันแปรของธรรมชาติปีนี้ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่กำลังเจอภาวะเออร์บาน ฮีต ไอส์แลนด์ (Urban Heat Island) หรือปรากฏการณ์โดมความร้อน ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเอาความร้อนจากเขตเมืองย่านราชเทวี สีลม สุขุมวิท ไปปะทะความชื้นแถวฝั่งดอนเมือง ทำให้อุณหภูมิของดอนเมืองสูงขึ้นทันทีประมาณ 4-5 องศาเซลเซียส จาก 37 องศาเซลเซียส เป็น 42 องศาเซลเซียส จนทำให้วันที่ 3 มิ.ย. ตั้งแต่ช่วงเช้าเกิดฝนตกหนัก และทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดที่สนามบินดอนเมืองได้หลายเที่ยวบิน ภาวะดังกล่าวนี้จะเกิดถี่มากขึ้นใน กทม.เนื่องจากภาวะโดมความร้อนที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2554 ทั้งนี้ ภาวะโดมความร้อนมักจะเกิดในเมืองใหญ่ โดยใน กทม.เวลานี้มีการก่อสร้างอาคารชุดขนาดใหญ่ รวมทั้งคอนโดมิเนียมตั้งแต่รัชดาฯ ลีลม สุขุมวิท แต่ละแห่งมีหลายร้อยห้อง ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศทั้งหมด รวมแล้วหลายหมื่นเครื่อง โดยเครื่องปรับอากาศเหล่านี้จะปล่อยความร้อนออกมานอกอาคารทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อรวมกับเครื่องปรับอากาศจากศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ทำให้ปริมาณความร้อนพุ่งขึ้นสูง ต่างกับเขตทวีวัฒนา และพื้นที่ฝั่งธนบุรี ที่มีอากาศเย็นลง เนื่องจากมีการก่อสร้างคอนโดมิเนียม หรือห้องชุดน้อย วิธีการแก้ไขทำได้คือ การปลูกต้นไม้ในเมืองให้มากเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมินั้นจะไม่ได้รับผลกระทบเหมือนพื้นที่ดอนเมือง เพราะสุวรรณภูมิได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดจากอ่าวไทยเท่านั้น แต่ดอนเมืองรับลมจากทุกทิศ
ขอบคุณข่าวแอร์จาก : นสพ.ไทยรัฐ