รณรงค์แผน 3ป. เพื่อป้องกันไฟดับทั้งประเทศ ในวันที่ 5 เม.ย. 2556 เวลา 14:00-15:00
เปิดอ่าน 567
สนพ.ชูแผน 3 ป. ปิดไฟ-ปรับแอร์-ปลดปลั๊ก
สู้วิกฤติไฟฟ้า 5 เม.ย. ระหว่าง เวลา 14.00–15.00 น.เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
คาดช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ 490,000 หน่วย/วัน
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.จะจัดกิจกรรม รวมใจคนไทย สู้วิกฤติไฟฟ้า ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ณ ทำเนียบรัฐบาลโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในงานดังกล่าว เพื่อเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ร่วมช่วยชาติปฏิบัติการ 3 ป.ได้แก่ ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมมือในการลดใช้ไฟฟ้าในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ระหว่างเวลา 14.00–15.00 น. เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงวันและเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้ หลังจากพม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ ให้กับประเทศไทยระหว่างวันที่ 5–14 เม.ย.นี้
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าว จะเป็นการขอความร่วมมือประชาชน ให้เข้าร่วมโครงการในวันที่ 5 เม.ย. ระหว่างเวลาประกอบด้วย การปิดไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์ 1 หลอด ขนาด 46 วัตต์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะช่วยลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ได้ 208.5 เมกะวัตต์ หรือลดการใช้ไฟฟ้าได้ 210,000 ล้านหน่วยต่อวัน สำหรับการปรับแอร์ พบว่า เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง ขนาด 12,000 บีทียู ปรับอุณหภูมิขึ้นจาก 25 องศาเซลเซียส เป็น 26 องศาเซสเซียส เป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน จะลดการใช้ไฟฟ้าได้ 0.58 หน่วยต่อวัน และถ้าร่วมมือปิดการใช้งานเวลา 14.00–15.00 น. จำนวน 10% ของเครื่องปรับอากาศทั้งหมดของประเทศ จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ 270,000 ล้านหน่วยต่อวัน ขณะที่ในการปลดปลั๊ก หากมีการปลดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานออก จะลดการใช้ไฟฟ้าได้ 0.002 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และถ้าร่วมมือปลดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น 1 อุปกรณ์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จำนวน 4.53 ล้านเครื่อง หรือ 20% ของอุปกรณ์ไฟฟ้าในประเทศ จะช่วยลดพีค ได้ประมาณ 9.25 เมกะวัตต์ หรือลดการใช้ไฟฟ้าได้ 10,000 หน่วยต่อวัน
สนพ.จึงขอความร่วมมือจากประชาชนร่วมกันปฏิบัติการ 3 ป. ในวันและเวลาดังกล่าว โดยคาดว่า การดำเนินงานตามมาตรการประหยัดไฟฟ้าในช่วงการหยุดผลิตก๊าซฯ จะช่วยลดพีค ได้ 710 เมกะวัตต์ หรือลดการใช้ไฟฟ้าได้ 490,000 หน่วยต่อวัน และยังช่วยลดการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าได้ 4.23 ล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ขณะที่นายภาณุ สุทธิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่จัดหาและตลาดก๊าซธรรมชาติ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย.นี้ โดยได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งอื่นๆ จัดเตรียมปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติบนบก และสำรองก๊าซธรรมชาติในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตกให้พร้อม หากมีการร้องขอจากปตท.เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งได้จัดเตรียมสำรองน้ำมันเตา น้ำมันดีเซล ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)ให้เพียงพอต่อความต้องการ จึงมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง
ทั้งนี้ ปตท. ได้บริหารจัดการเตรียมความพร้อมร่วมกับ กฟผ. โรงไฟฟ้าอิสระขนาดใหญ่ (ไอพีพี) และโรงงานอุตสาหกรรมไว้ล่วงหน้า ภายใต้คำแนะนำของ กระทรวงพลังงาน คาดว่าระบบการจ่ายก๊าซธรรมชาติ ฝั่งตะวันตกจะทยอยกลับคืนสู่สภาพปกติตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ก๊าซธรรมชาติ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันปริมาณ ก๊าซธรรมชาติที่จัดหาส่วนใหญ่มาจากอ่าวไทยและมีการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากพม่า 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน