แอร์ซัมซุง และแอร์ยอร์ค เปิดศึกระบบ VRF รับเทรนด์อาคารเขียว
นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสธุรกิจเครื่องปรับอากาศ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศซัมซุง เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ทำตลาดเครื่องปรับอากาศพาณิชย์มาร่วม 6 ปี นับจากนี้จะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากตลาดเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีสัดส่วน 50% ของตลาดรวมเครื่องปรับอากาศ อีก 50% เป็นตลาดเครื่องปรับอากาศในบ้าน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศพาณิชย์เติบโตดี มาจากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์โรงแรม|เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงเรียน และมหาวิทยาลัย และคาดว่าจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะทำให้กลุ่มดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเติบโตน้อยกว่า
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศพาณิชย์ ซัมซุง รุ่นดีวีเอ็ม เอส นำเข้าจากประเทศเกาหลี เป็นระบบวีอาร์เอฟ ซึ่งประหยัดพลังงานได้ถึง 30% และคาดว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ โดยมีสัดส่วนเพิ่มจาก 10% เป็น 20% และเพื่อรับแนวโน้มธุรกิจ องค์กร และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์การเป็นอาคารสีเขียวหรืออาคารประหยัดพลังงานด้วย
“การปรับตัวเป็นอาคารเขียวเริ่มตื่นตัวในอเมริกา รวมทั้งในเอเชีย และไทยขณะนี้ได้ปรับเป็นอาคารเขียว 21 แห่ง สิงคโปร์ 20 แห่ง มาเลเซีย 18 แห่ง และอินโดนีเซีย 4 แห่ง ซึ่งการจะเป็นอาคารเขียวได้ หนึ่งในนั้นต้องเป็นองค์กรประหยัดพลังงาน ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ คอนโดสีเขียวถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญ” นายสมพร กล่าว
ด้านนายฐิตะคม ลีตะนันท์ ผู้จัดการช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท จอห์นสัน คอนโทรลส์ อินเตอร์เนชั่นแนลผู้จำหน่ายเครื่องปรับอากาศยอร์ค กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โดยมุ่งทำตลาดระบบวีอาร์เอฟ ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงาน เป็นสินค้าเรือธง
ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดรวมแอร์มีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี เป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของเครื่องปรับอากาศวีอาร์เอฟ จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำในตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ส่วนรายได้ปีนี้ 2,000 ล้านบาท โต 10-15% และอีก 2-3 ปี จะมีรายได้จากแอร์วีอาร์เอฟสัดส่วน 15-20% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จาก 5-10%
ข่าวแอร์จาก : นสพ.โพสต์ทูเดย์