หน้าร้อนนี้ จะเลือกซื้อแอร์แบบไหนดี ที่คุ้มค่าสุดๆ
เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนมากๆ กันแล้วนะครับ (ประเทศไทยมี 3 ฤดูคือ หน้าร้อน, ร้อนมาก, และร้อนมากๆ) หนึ่งในวิธีคลายร้อนที่ดีที่สุด และได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือติดแอร์ภายในบ้านของเรานั่นเอง ซึ่งเครื่องปรับอากาศในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ หลายแบบ ทั้งแบบตั้งพื้น หรือแขวนพนัง แต่จะเลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน หรือห้องของคุณที่สุด วันนี้เรามีวิธีการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศมาแนะนำให้ทราบกันครับ
วิธีเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ
1. ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะทำให้คุณได้เครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของคุณ เพราะฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หมายถึงคุณภาพในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศที่คุ้มค่าที่สุด โดยฉลากนี้ต้องเป็นฉลากของ สมอ. หรือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเท่านั้นจึงจะเชื่อถือได้ โดยคุณภาพจะกำหนดเป็นตัวเลขได้ดังนี้
เลข 5 – ดีมาก ประสิทธิภาพการประหยัดไฟสูงสุด
เลข 4 – ดี ประสิทธิภาพการประหยัดไฟสูง
เลข 3 – ปานกลาง ประสิทธิภาพการประหยัดไฟปานกลาง
เลข 2 – พอใช้ ประสิทธิภาพการประหยัดไฟพอใช้
เลข 1 – ต่ำ ประสิทธิภาพการประหยัดไฟระดับต่ำ ไม่ควรใช้
2. เลือกขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญครับ เพราะว่าขนาดห้องมีผลอย่างมากต่อความเย็นในห้อง ถ้าห้องมีขนาดใหญ่ แต่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก นอกจากจะทำให้ห้องไม่เย็นแล้ว ยังทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินความจำเป็นอีก ดังนั้นถ้าจะซื้อเครื่องปรับอากาศซักเครื่อง ต้องซื้อให้ตรงกับขนาดห้องที่จะใช้ครับ โดยดูได้จากตารางด้านล่างนี้เลย (สำหรับห้องที่มีความสูงไม่เกิน 3 เมตร) โดยช่องด้านซ้ายจะเป็นขนาดของห้อง มีหน่วยเป็นตารางวา และด้านขวาเป็นขนาดของเครื่องปรับอากาศ มีหน่วยเป็น บีทียู/ชั่วโมง
3. เลือกประเภทเครื่องปรับอากาศแบบไหนดี?
เครื่องปรับอากาศที่ขายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ชนิดติดหน้าต่าง, ชนิดแยกส่วนติดฝาผนัง หรือแขวน และสุดท้ายเครื่องปรับอากาศชนิดแยกส่วนตั้งพื้น โดยแต่ละประเภทจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันดังนี้
3.1 ชนิดติดหน้าต่าง
เหมาะสมกับห้องที่มีลักษณะที่ติดตั้งวงกบหน้าต่างติดกระจก ช่องแสงติดตาย บานกระทุ้ง บานเกล็ด เป็นต้น มีขนาดตั้งแต่ 9,000-24,000 บีทียู/ชม. มีค่าประสิทธิภาพ (EER = บีทียู/ชั่วโมง/วัตต์) ตั้งแต่ 7.5-10 บีทียู/ชม./วัตต์
3.2 ชนิดแยกส่วนติดฝาผนัง หรือแขวน
เหมาะสมกับห้องที่มีลักษณะทึบจะติดตั้งได้สวยงาม แต่จะมีราคาแพงกว่า เมื่อเปรียบเทียบเครื่องปรับอากาศชนิดต่างๆ ที่มีขนาดเท่ากัน (บีทียู/ชม.) เครื่องปรับอากาศชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า และจะมีสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับควบคุมอุณหภูมิความเย็นของห้อง มีขนาดตั้งแต่ 8,000–24,000 บีทียู/ชม. ค่า EER ตั้งแต่ 7.5-13 บีทียู/ชม./วัตต์
3.3 เครื่องปรับอากาศชนิดแยกส่วนตั้งพื้น
เหมาะกับห้องที่มีลักษณะห้องที่เป็นกระจกทั้งหมด ผนังทึบซึ่งไม่อาจเจาะช่องเพื่อติดตั้งได้ เมื่อเปรียบเทียบเครื่องปรับอากาศชนิดต่างๆ ที่มีขนาดเท่ากัน เครื่องปรับอากาศชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า มีขนาดตั้งแต่ 12,000-36,000 บีทียู/ชม. มีค่า EER ตั้งแต่ 6-11 บีทียู/ชม./วัตต์
ขอบคุณที่มา : Mthai