วิธีประหยัดค่าแอร์โดยไม่ต้องลงทุน
วิธีที่ 1 ปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อไม่จำเป็น
พัดลมระบายอากาศนี้มีความจำเป็นหากเป็นห้องที่มีคนใช้งานมาก หรือมีกลิ่นจากเอกสาร, อาหาร หรือควันบุหรี่ แต่หากเป็นห้องที่มีคนใช้งานไม่มาก และไม่มีกลิ่นรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยธรรมชาติจะมีอากาศรั่วซึมผ่านทางกรอบประตูหน้าต่างอยู่ในปริมาณหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในการหายใจ
นอกจากนี้ หากเป็นห้องประชุม ในขณะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้อากาศเย็นก่อนจะมีคนเข้าใช้ห้อง ก็ไม่จำเป้นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ ให้รอจนมีเข้าใช้ห้องประชุมเป็นจำนวนมากก่อน จึงเปิดพัดลมระบายอากาศก็ได้
วิธีที่ 2 ตั้งปิดจอคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่ได้ใช้ใน 3 นาที
ในสำนักงานสมัยใหม่ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นภาระมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับเครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหนึ่งเครื่อง จะปล่อยความร้อนออกมาโดยประมาณ 250 วัตต์โดยส่วนใหญ่จะเป็นความร้อนจากจอมอนิเตอร์ประมาณ 180-200 วัตต์
โดยปกติแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตโปรแกรม จึงมีส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งโปรแกรมให้จอมอนิเตอร์ปิดโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่ได้สัมผัสคีย์บอร์ด หรือเมาส์ในระยะเวลาหนึ่ง
สำหรับผู้ใช้ Window xp การตั้งค่าสามารถทำได้ดังนี้
1.เลือก My computer
2.เลือก Control Panel
3.เลือก Power Option
4.ตั้งค่า Power schemes เป็น Home/Office Desk
5.ตั้งค่า System standby เป็น Ater 3 mins
6.ตั้งค่า Turn off Moniter เป็น After 3 mins
7.ตั้งค่า Turn off hard disks เป็น After 15 mins
วิธีที่ 3 ตั้งอุณหภูมิ 28 c แล้วเปิดพัดลมเสริม
1. อุณหภูมิ 2. ความชื้นสัมพัทธ์ 3. ความเร็วลม
หากต้องการระดับความสบายเท่าเดิม เมื่อปัจจัยหนึ่งเปลี่ยนก็สามารถเปลี่ยนปัจจัยอื่นเป็นการทดแทนได้
จากที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าตั้งอุณหภูมิให้ห้องสูงขึ้น ก็จะประหยัดพลังงานได้มาก โดยปกติแล้วก็จะตั้งได้สูงสุดประมาณ 24-25 c มิฉะนั้นจะร้อนเกินไป
แต่จากความรู้ด้านความสบายเชิงความร้อนที่กล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเราอาจตั้งอุณหภูมิได้สูงถึง 28-30 c แล้วเปิดพัดลมซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วลมใหห้อง ก็จะสามารถรักษาระดับความสบายเชิงความร้อนไว้เท่าเดิมได้( เย็นสบายเหมือนเดิม )
วิธีการนี้อาจมีข้อจำกัดสำหรับสำนักงานบางแห่ง เนื่องจากเมื่อเปิดพัดลม ก็จะทำให้กระดาษในห้องปลิวได้
วิธีที่ 4 นำตู้มาตั้งชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตก
ผนังด้านที่มีความร้อนเข้ามามากที่สุคือ ด้านตะวันออก และตะวันตก นอกจากความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาแล้ว เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องถูกผนัง จะทำให้ผนังมีอุณหภูมิร้อนขึ้นมาก และจะแผ่รังสีความร้อนมาสู้ตัวคน ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกร้อนขึ้นแม้อุณหภูมิห้องจะเท่าเดิม ในห้องที่มีสภาพนี้จะต้องตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ประมาณ 21-22 c จึงจะรู้เย็นสบาย แต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
การนำตู้ไปตั้งฃิดผนัง จะช่วยป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ในห้องที่ผนังห้องไม่ร้อน การตั้งอุณหภูมิที่ 25 c ก็จะเย็นสบายเพียงพอ
นอกจากป้องกันการแผ่รังสีความร้อนจากผนังแล้ว การมีตู้ตั้งฃิดผนัง ยังเสมือนว่ามีผนังหนาขึ้น จึงเป็นการช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การนำตู้ไปติดผนังห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผนังด้านนั้นมีกระจกด้วย จะทำให้อุณหภูมิถภายในตู้สูงกว่าอุณหภูมิห้อง ดังนั้นจึงควรระมัดระวังกรณีที่สิ่งของภายในตู้ไม่สามารถทนความร้อนได้
วิธีที่ 5 ปิดแอร์เมื่อไม่ได้ใช้ และเปิดอย่าเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ถึงแม้ปิดแอร์
การปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่ได้ใช้ห้องประบอากาศจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่ในขณะที่ปิดเครื่องปรับอากาศนั้นจะต้องไม่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ มิฉะนั้นความร้อนและความชื้นและความชื้นภายนอกจะเข้าไปในห้องปรับอากาศ และจะสะสมอยู่ที่ พื้น, ผนัง , เฟอร์นิเจอร์, พรม, กระดาษ, ผ้าม่าน ฯลฯ เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศครั้งต่อไปเครื่องปรับอากาศก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อดึงเอาความร้อนและความชื้นนี้ออกไป ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่องเสียอีก
วิธีที่ 6 ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกนอกห้องปรับอากาศ
หากเราสามารถลดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องปรับอากาศโดยการย้ายออกไปตั้งไว้นอกห้องปรับอากาศได้ ก็จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่มักมีอยู่ในห้องปรับอากาศแต่สามารถย้ายออกไปได้เช่น ตู้เย็น, ตู้ทำน้ำเย็น, เครื่องถ่ายเอกสาร, หม้อต้มน้ำร้อน หรือเครื่องชงกาแฟ, ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ, หม้อหุงข้าว ฯลฯ
วิธีที่ 7 ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็น
จะเห็นได้ว่า การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไฟฟ้าแสงสว่าง ในห้องปรับอากาศจะเป็นการเสียค่าไฟสองต่อ คือ
- เสียค่าไฟที่อุปกรณ์หรือหลอดไฟใช้
- เสียค่าไฟที่เครื่องปรับอากาศเพื่อนำความร้อนออกไปทิ้งนอกห้อง
ดังนั้น การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็นในห้องปรับอากาศ จึงเป็นการประหยัดสองต่ คือ ประหยัดที่ตัวอุปกรณ์ และประหยัดที่เครื่องปรับอากาศ
วิธีที่ 8 งดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ
หากงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศ หรือ เปิดเพียงช่วงสั้นๆ ก็เพียงพอ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้
นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ ยังลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ จึงทำให้มีฝุ่นละอองไปจับที่คอยล์น้อย เครื่องปรับอากาศจึงมีประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ และช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศไปได้
วิธีที่ 9 สวมเสื้อผ้าบางๆ
วิธีที่ 10 ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
มาตรการนี้ดูจะเป็นเรื่องง่ายๆที่ไม่น่าจะต้องกล่างถึงอีก แต่กลับเป็นปัญหาที่พบบ่อยและละเลยกันมากที่สุด นอกจากการปิดประตูหน้าต่างไม่สนิท รอยรั่วรอบๆกรอบประตูและหน้าต่างก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ หากพบว่ามีรอยแยกและมีลมรั่วจากภายนอกเข้ามา ก็ควรดำเนินการแก้ไข เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
วิธีที่ 11 ปิดผ้าม่าน
นอกจากลดการแผ่รังสีความร้อนมาสู่ตัวคนแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสะท้อนความร้อนกลับออกไปภายนอกได้ด้วย (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนัก) จึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง