นายกรัฐมนตรี นำขบวนถอดสูท เดินไปประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล
เปิดอ่าน 916
“นายกปู” นำถอดสูท-ปรับแอร์ 25 องศา จี้ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศร่วมประหยัดพลังงาน ก่อนทำหนังสือเวียนไปทุกหน่วยราชการ หวั่นเกิดปัญหาการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย จากการหยุดส่งก๊าซของพม่า วันที่ 4-12 เม.ย. เล็งรณรงค์ต่อเนื่อง-หาแหล่งพลังงานทดแทน สั่ง "เฮียเพ้ง" ดูแลค่าเอฟที...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 ก.พ. บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ใน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สวมเสื้อเชิ้ตเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้ใส่สูท ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง สวมเสื้อผ้าไหม ส่วนผู้เข้าร่วมประชุม ครม.เศรษฐกิจคนอื่นๆ ก็ไม่ได้สวมเสื้อสูทในห้องประชุม ขณะที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกฯ ได้มีการสั่งให้ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ จากที่ปกติใช้อยู่ที่ 20-23 องศา มาเป็นอุณหภูมิที่ 25 องศา ตามนโยบายประหยัดพลังงาน และปิดห้องต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน
พล.ต.ท.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทำเนียบรัฐบาลและหน่วยงานราชการทั้งหมด ต้องถือเป็นวิสัยในการประหยัดพลังงาน การใช้ไฟต้องเป็นไปตามสัดส่วน และในการประชุม ก.น.จ. จะมีการย้ำผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดร่วมประหยัดพลังงาน
ด้าน น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ได้แจ้งไปยังข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลว่า หลังกระทรวงพลังงานมีมาตรการที่ชัดเจนในการประหยัดพลังงานแล้ว จะมีการทำหนังสือเวียนไปยังทุกหน่วยในทำเนียบรัฐบาลและทุกหน่วยราชการ กระทรวงต่างๆ
กระทั่งเวลา 15.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินไปยังตึกบัญชาการ 1 เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 2/2556 ที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 โดยก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากมติ ครม.ได้ขอความร่วมมือกับ ครม.และหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ โอกาสนี้ ก็ต้องเชิญชวนประชาชนในการรณรงค์ประหยัดพลังงาน เราทำหลายอย่าง เช่น การปรับอุณหภูมิในที่ทำงานอยู่ระดับที่ 25-26 องศาเซลเซียส ในช่วงบ่ายปิดแอร์ 1 ชั่วโมง และให้หน่วยงานต่างๆ ไปทบทวนวิธีการใช้งานต่างๆ กรณีที่เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งที่ใช้พลังงานมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ขอให้ปิด เพื่อที่เราจะได้สำรองพลังงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าจะลดการใช้พลังงานจำนวนเท่าไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า เป้าหมายแรกทางด้านกระทรวงพลังงานนัดหารือกันแล้วในการแก้ปัญหา เรื่องไฟฟ้าสำรองในช่วงที่เรามีพลังงานไม่เพียงพอในวันที่ 5 เม.ย. เพราะเดิมพม่าจะซ่อมท่อก๊าซวันที่ 4-12 เม.ย. ล่าสุดได้มีการหารือแล้วคงจะเริ่มวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งวันที่ 5 เม.ย. มีพลังงานสำรองบางส่วนอยู่ แต่อาจจะมีปัญหาติดขัดบ้าง อาจจะมีไฟตกบางพื้นที่ แต่ถ้าเราร่วมกันรณรงค์ประหยัดพลังงานกันตั้งแต่วันนี้ อาจจะไม่เกิดผลกระทบมากในวันที่ 5 เม.ย. แต่ในวันอื่นๆ มีการแก้ปัญหาได้แล้ว
ต่อข้อถามว่า การรณรงค์ระยะยาวจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า จริงๆ แล้วระยะยาวเราได้พูดคุยกันในคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แล้ว ในเรื่องการสำรองความมั่นคงของพลังงาน ได้มีการพูดคุยแนวทางเพื่อให้กระทรวงพลังงานได้กำหนดแนวทางขั้นตอนวิธีการต่างๆ ในการจะหาวิธีการในการสำรองพลังงาน ขณะเดียวกัน จะต้องหาซื้อแหล่งพลังงานสำรองก๊าซในต่างประเทศด้วย
เมื่อถามว่า จะมีการขอความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมในการยุติการผลิตในช่วงที่มีปัญหาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ทุกกระทรวงคงต้องไปสำรวจและขอความร่วมมือ เพื่อจะได้มีการลดการใช้พลังงานในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม คงจะไม่เป็นการรณรงค์แค่ชั่วคราว จะเป็นสิ่งที่เราทำต่อเนื่อง เราประกาศยุทธศาสตร์ชาติว่าเราอยากเห็นการสร้างเรื่องพลังงานทดแทน ขณะเดียวกัน ก็รณรงค์ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีคุณภาพ ซึ่งวันนี้ได้ให้กระทรงพลังงานได้สะท้อนจากยุทธศาสตร์ประเทศลงไปในแนวทางปฏิบัติ ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราได้มีการเริ่มส่งเสริมการที่จะนำพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม หรือพลังงานชีวภาพ
ผู้สื่อข่าวถามถึง ผลกระทบที่จะมีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่าเอฟที มีแนวทางช่วยเหลือประชาชนอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ในส่วนนี้เรากำลังพยายามหาแหล่งต้นทุนต่างๆ ทุกต้นทุน ซึ่งวันนี้ช่วงต้นอาจจะเป็นช่วงที่เนื่องจากในเรื่องของการใช้ยังไม่มากพอ อาจมีผลกระทบต่อต้นทุนบ้าง เราพยายามที่จะหาแหล่งอื่นๆ ในการทดแทน ก็คงจะเป็นในระยะสั้น ซึ่งให้แนวทางกับกระทรวงพลังงานแล้วว่า ในการดูแลต่างๆ นั้น ต้องคำนึงถึงการดูแลผู้ที่มีผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งตรงนี้จะทำการสำรวจผู้ที่มีรายได้น้อย ในการที่จะหามาตรการในการช่วยเหลือและดูแลในช่วงนี้ด้วย
ขอบคุณข่าวแอร์จาก: นสพ.ไทยรัฐ