ความรู้เรื่อง ระบบน้ำยาแอร์ ลับเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน
ระบบน้ำยาแอร์ ในเครื่องปรับอากาศนั้น หลายท่านจะคุ้นกันก็ต้องเมื่อ เกิดปัญหาแอร์ไม่เย็น แล้วอยากจะเติมน้ำยาแอร์ จึงโทรเรียกช่างมาเติมน้ำยาให้ แล้วคิดเงินเป็นปอนด์ + ค่าบริการ ของน้ำยาแอร์นั้นๆ ซึ่งน้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นนั้น มีหลากหลายชนิดที่ใช้กันในประเทศไทย คลาสสิกที่สุดก็น่าจะเป็น R22 และให้ล่าสุด แบบฉบับของแบรนด์รักโลกก็ น้ำยาแอร์แบบ R410a ที่กำลังมีการเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้กันอยู่พักใหญ่
สำหรับผู้ใช้งานแล้ว หากแอร์ท่านยังเย็นอยู่ ไม่มีอาการเสียใดๆ (แม้ว่าจะใช้งานมานานแล้ว) แต่อยากเติมน้ำยาแอร์ ทางร้านเชียงใหม่แอร์แคร์ฯ แนะนำ อย่าเติมเลย เพราะแอร์บางตัว ไม่เติมน้ำยาเลย (เติมครั้งเดียวตอนติดตั้ง) สามารถอยู่ได้ถึง 10 ปี!! สาเหตุที่ไม่ควรเติมหากไม่จำเป็นก็เพราะ น้ำยาแอร์ เป็นระบบปิด เป็นระบบที่ถึงแม้จะไม่ได้ใช้นานแค่ไหนก็ตาม น้ำยาแอร์จะไม่เคยแห้ง ไม่ระเหยไปไหนเด็ดขาด
ส่วนกรณีแอร์ไม่เย็น หากเรียกช่างมาเติมน้ำยาแอร์ แล้วเย็นเหมือนเดิม ...ใช้ไปได้ซักพัก ปรากฏว่า แอร์กลับมาไม่เย็นใหม่ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ท่ออาจรั่ว (ถึงแม้จะรูเล็กมาก) เป็นสาเหตุของแอร์ไม่เย็น ต้องเรียกช่างมาเช็ครอยรั่วอีกที
สำหรับใครที่เติมน้ำยาแอร์นั้น มีความรู้มาฝากดังนี้
- ปริมาณน้ำยาแอร์ จะเรียกเป็น ปอนด์ ซึ่งมี ปอนด์(น้ำหนัก) และ ปอนด์/ตารางนิ้ว
- เวลาเติมน้ำยาแอร์ แอร์เครื่องหนึ่งจะบรรจุได้ประมาณ 1 กิโลกรัม หรือ 2 ปอนด์(น้ำหนัก)
- น้ำยาแอร์แต่ละประเภท จะมีราคาต่างกัน เช่น R22 อีกราคาหนึ่ง หรือแพงขึ้นเป็น R410a ขึ้นอยู่กับราคาตลาด
- ถ้าเป็นไปได้ ให้เรียกใช้ช่างแอร์ ที่ไว้ใจได้มาเติมน้ำยา เพราะช่วงหลังๆ มีการระบาดของ น้ำยาแอร์ปลอม
เวลาเรียกช่างมาล้างแอร์นั้น ให้เฝ้าใกล้ชิด และบอกไว้เลยว่า "ไม่ต้องเติมน้ำยา เพราะพึ่งเติมไป" ทำไมต้องบอกแบบนี้ ? ก็เพราะมีช่างแอร์บางกลุ่ม ในขณะล้างแอร์ แอบเปิดน้ำยาแอร์ทิ้ง แล้วมาบอกลูกค้าว่า น้ำยาแอร์หมด ต้องเติมน้ำยาหนะสิ