จากสถิติประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนานั้น มีสัดส่วนการใช้น้ำยาแอร์ ชนิด R-22 แตกต่างกันอบ่างเห็นได้ชัดดังนี้
ประเทศที่พัฒนาแล้ว ตั้งเป้าหมาย
ปี 2004 ลดการใช้น้ำยาแอร์ R-22 ได้ 35%
ปี 2010 ลดการใช้น้ำยาแอร์ R-22 ได้ 65%
ปี 2015 ลดการใช้น้ำยาแอร์ R-22 ได้ 95%
ประเทศที่กำลังพัฒนา ตั้งเป้าหมาย
ในปี 2016 จะลดได้ 35% ตามลำดับ
ซึ่งจะต้องหมดสิ้นในปี 2040
น้ำยาแอร์ชนิด R410A คือสารที่เกิดจากการผสมกันของสารทำความเย็นประเภท HFC ที่ได้มีการพัฒนาเพื่อมาทดแทน สาร HCFC refrigerant ในน้ำยาแอร์ R22 ซึ่งมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันกับสารชนิด Azeotrope
ระบบทำความเย็นที่ใช้ R410A จะทำงานในสภาพที่มีแรงดันมากกว่าระบบที่ใช้สาร R22 อยู่ประมาณ 1.6 เท่า
ด้วยประสิทธิภาพในการทำความเย็นที่เหนือกว่าและการไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ โอโซน จึงทำให้ R-410a เป็นสารนำความเย็นที่ประเทศพัฒนาแล้ว เลือกใช้ในเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่และยกเลิกการผลิตเครื่องปรับการอากาศที่ใช้สารทำความเย็น R22
ช่างแอร์ทุกร้านสามารถติดตั้งได้แอร์ที่ใช้น้ำยาแอร์ตัวนี้ได้ แต่ต้องได้รับการอบรมให้เข้าใจการทำงานกับ R410a ก่อนนะครับ และต้องสามารถใช้เกจที่รับความดันของ R410a ได้
ซึ่งโดยเรื่องของราคาแล้วนั้น ค่าน้ำยาแอร์ R410a แพงกว่า R22 แต่ในอนาคตราคาจะลดลงแน่นอน แล้วก็ราคาของ R22 จะแพงขึ้นเนื่องจากไม่มีการผลิตเพิ่ม ใช้ของเก่ามาหมุนเวียนเท่านั้น ซึ่งคงไม่ต่างจากการเปลี่ยนน้ำยาแอร์ในรถยนต์ จาก R12 เป็น 134a ครับ
โดยกำหนดการเลิกใช้งาน (ค่อยๆลดการใช้) น้ำยาแอร์ R22 นั้นมีกฏหมายออกมานานแล้ว
โดยกำหนดมาจาก สัญญาที่ประเทศต่างๆ ต้งทำด้วยกัน ว่าด้วยเรื่องของสภาวะโลกร้อนดังนี้
สนธิสัญญาเกียวโต (Kyoto Protocol)
ประชุมภายใต้กรอบของอนุสัญญาสหประชาชาติ กำหนดให้กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ซึ่งสารทำความเย็นบางชนิด เช่น R11, R12, R22, 134A เป็นสารที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ) ปัจจุบันหลายประเทศในโลก ไม่อนุญาตให้ใช้ R11, R12, R22, 134A
สนธิสัญญามอนทรีออล (Montreal Protocol)
มีข้อตกลงให้เลิกใช้สาร CFC (R11, R12) และลด-เลิก ใช้สาร HCFC (R-22) ในยุโรป ตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 ห้ามนำเข้าเครื่องทำความเย็นที่ใช้สาร HCFC (R-22) ทางด้านรัฐบาลไทยให้ยกเลิกใช้สารทำลายบรรยากาศโอโซน คือสาร CFC (R11, R12) และเริ่มแผนลด-เลิก ใช้สาร HCFC (R-22) ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2553 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม
องค์การสืบสวนสภาพแวดล้อม (EIA : Environmental Investigation Agency)
พบว่าสาร HFC (R134A) ถึงแม้ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ (ชั้นโอโซน) แต่ยังเป็นตัวการในการเพิ่มปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก ซึ่งทาง EIA ได้แจ้งว่าสารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน คือ Ammonia, Hydrocarbon และ CO2 ปัจจุบัน ประเทศเยอรมันและออสเตรเลีย เลิกใช้สาร HFC (R134A) แล้ว และในยุโรปจะให้เลิกใช้สาร HFC (R134A) ตั้งแต่ปี ค.ศ.2017
ไม่ใช่ว่าใครๆก็าเปลี่ยนไปใช่ น้ำยาแอร์ R410a ได้กันนะ
ถ้าจะเปลี่ยนไปใช้ได้ ต้องใช้กับเครื่องแอร์ที่รองรับเท่านั้น
พูดง่ายๆก็คือ ท่านต้องซื้อแอร์ใหม่ เพราะน้ำยาแอร์ R410a ใช้แทน R-22 ไม่ได้นะ
ทิ้งท้ายเกี่ยวกับน้ำยาแอร์ R410a
สารทำความเย็น R410a นั้น เป็น่วนผสมของ HFC-35 และ 120 ในอันตราส่วน 1:1 โดยน้ำยาแอร์แบบ R410a นั้นเป็นน้ำยาแอร์ที่ปราศจากคลอรีน ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลก และมีประสิทธิภาพดีกว่า น้ำยาแอร์แบบ R-22 ถึง 10% ในอากาศร้อนๆ เพราะฉะนั้นในประเทศไทยที่อุณหภูมิเฉลี่ย 25-35 องศาเซลเซียสนั้น การใช้เครื่องปรับอากาศ ที่ใช้น้ำยาแอร์แบบ R410a นั้นจะช่วยประหยัดพลังงาน และค่าไฟต่อปีได้ดีทีเดียว แถมยังใช้แอร์ได้ทนกว่าน้ำยาแอร์แบบ R-22 ของเดิมอีกด้วยนะ