การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
เปิดอ่าน 4,774
จุดสำคัญสำหรับเครื่องฟอกอากาศอยู่ที่แผ่นกรองหรือตัวกรองอากาศ
แผ่นกรองหรือตัวกรองอากาศมี 5 แบบ
1. HEPA ย่อมาจาก High Efficiency Particulate Air (HEPA)
มันคือการเกิดจากการนำวัตถุดิบที่เรียกว่า Borosilicate Microfiber มาขึ้นรูปเป็นแผ่น ซึ่งมันก็คือ Fiber Glass ด้วยเทคนิคระหว่างกระบวนการผลิตทำให้ HEPA Filter มีความสามารถที่จะดักจับฝุ่นละอองต่างๆ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม HEPA Filter ไม่สามารถกักเก็บก๊าซหรือสาร VOCs ต่างๆได้เนื่องจากขนาดที่เล็กกว่ามาก
แต่ข้อเสียของมันคือการที่มาจาก Fiber Glass ซึ่งดูดจับความชื้นอาจจะทำให้เป็นเชื้อราได้แล้วถ้าสูดดมเข้าไปก็เป็นต้นเหตูของการเกิดมะเร็ง
2. ULPA ย่อมากจาก Ultra Low Penetration Air
สำหรับ ULPA ก็จะเป็นลักษณะเดียวกับ HEPA แต่ว่าจะมีคุณสมบัติของมันจะเหนือกว่าจรงที่กรองอนุภาคฝุ่นได้เล็กกว่า แต่ก็ราคาสูงกว่ามากและตันเร็วมากเช่นกัน
3.ระบบประจุไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic)
เป็นระบบการฟอกที่ใช้หลักการทำงานด้วยการเติมประจุไฟฟ้าบวกหรือประจุไฟฟ้าลบ (ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อ) ให้กับฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่างๆ เมื่ออนุภาคเหล่านี้ไหลผ่านแผ่นกรองที่มีประจุไฟฟ้าลบ (ประจุไฟฟ้าที่แผ่นกรองจะเป็นประจุไฟฟ้าที่ตรงข้ามกับประจุไฟฟ้าที่สร้างในอากาศ) ก็จะถูกดูดให้ติดกับแผ่นกรอง ประสิทธิภาพในการกรองสูงสุดประมาณ 95%
ข้อเสียของระบบประจุไฟฟ้าสถิตย์
- ประสิทธิภาพการดักจับอนุภาคต่างๆ น้อยกว่าแผ่นกรอง HEPA และ ULPA
- เป็นระบบที่ทำหน้าที่เพียงกรองฝุ่นละออง กลิ่น และเชื้อราบางชนิด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีแผ่นกรองชนิดที่สามารถกรองเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา คอยทำหน้าที่ร่วมกันภายในเครื่องฟอกอากาศ
4.แผ่นกรอง Carbon
ตัวนี้จะมาช่วยเสริม คุณสมบัติของ 2 แผ่นแรก ช่วยในการกำจัดกลิ่น
5.แผ่นกรองฟิลทรีท
เป็นแผ่นกรองอากาศของ 3M กรองด้วยแผ่นกรองที่ผ่านการชาร์ทไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร กรองอนุภาคได้เล็กถึง 0.1 ไมครอนกรองสิ่งสกปรกในอากาศได้ดีกว่าแผ่นกรอง HEPA และ ULPA ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถกรอง ฝุ่นเล็กๆ ภายในห้อง, รังแคสัตว์, เชื้อแบคทีเรีย, ควันบุหรี่ และควันจากการปรุงอาหาร, อนุภาคที่จับกลุ่ม และไวรัสมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง