การปรับตัวของร้านแอร์ เพื่อรองรับภาวะการแข่งขันในตลาด
เราต้องปรับตัว ทำให้รู้สึกว่า ในภาวะปัจจุบันนี้หากเรายังต้องการที่จะอยู่ในธุรกิจเครื่องปรับอากาศนี้ต่อไปบรรดาช่างแอร์ที่นอกจากจะต้องมีความสามารถและความพิถีพิถันในการเดินท่อทองแดงให้สวยงามแล้วยังจะต้องคำนึงถึงเรื่องความสะอาดในระบบเป็นอย่างมากด้วย เช่นจะต้องล้างท่อทองแดงให้สะอาดก่อนการติดตั้ง จะต้องเลี้ยงก๊าซไนโตรเจนขณะทำการเชื่อมเพื่อหลีกเลี่ยงเขม่าในท่อ การติดตั้งข้อต่อต่าง ๆ ต้องมีระยะและการวางในระดับที่ถูกต้อง มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำแล้ว ยังจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องของวงจรไฟฟ้าด้วย กล่าวคือจะต้องมีทักษะและความรู้พื้นฐานทางไฟฟ้าพอสมควร เนื่องจากในการติดตั้งระบบนี้หลังการติดตั้งท่อน้ำยาแล้วเสร็จ และมีการเดินสายจ่ายไฟฟ้าไปยังแต่ละเครื่องแล้ว ก็ยังไม่สามารถจะเดินเครื่องได้ จะต้องทำการตั้งค่าให้คอยล์ร้อนสามารถทำงานควบคู่กับแฟนคอยล์ทั้งหลายด้วย ดังนั้นคนที่จะสามารถติดตั้งเครื่องดังกล่าวนี้ จะต้องมีความเข้าใจในการทำงานของระบบควบคุมและมีหลักการ (ตรรกะ-LOGIC) ของการใช้คอมพิวเตอร์ หรือมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์พอสมควร
จากมุมมองของพวกเราทำให้รู้สึกกังวลว่า ในเมื่อเทคโนโลยีของแอร์ได้พัฒนามาถึงจุดที่จะต้องใช้ช่างแอร์ที่จะต้องมีคุณสมบัติตามที่บ่งบอกมาข้างต้นแล้ว เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าพวกเราซึ่งเป็นผู้ที่จะเป็นผู้ติดตั้ง บริการและซ่อมแซม จะต้องมีความรู้และตามเทคโนโลยีพวกนี้ให้ทัน ปัญหาคือว่าพวกเราจะต้องเตรียมตัวไว้อย่างไรเพื่อรับสถานการณ์นี้
ลำพังในส่วนของการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบเครื่องแยกส่วนทั่ว ๆ ไป (แบบหนึ่งต่อหนึ่ง) การหาช่างแอร์ก็แสนจะลำบากอยู่แล้ว หลาย ๆ ท่านก็คงจะมีสภาพเดียวกันว่า การที่จะหาช่างที่ดีมีความสามารถจริง ๆ ในภาวะปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเราจะยอมจ่ายเงินเดือนที่สูงขึ้นก็ตาม แล้วการที่เราต้องวิ่งไล่ตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เริ่มมีความซับซ้อนยุ่งยาก เป็นการเพิ่มภาระให้กับเรามากขึ้น ตัวของเราเองซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ก็ยังรู้จักเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ดีพอ การที่จะหาช่างที่มีคุณลักษณะดังกล่าวก็เหมือนกับการเข้าสู่แดนสนธยา
ในสภาวการณ์แบบนี้ หากเราจะยังต้องการดำเนินธุรกิจของเราต่อไปในอนาคต เราต้องปรับตัวแล้วครับ ส่วนเรื่องจะทำการปรับตัวอย่างนั้นหลาย ๆ ท่านอาจจะมีวิถีทางที่ตั้งใจจะทำของตัวเองอยู่แล้ว สำหรับท่านที่ยังไม่ได้คิด ขอเสนอดังต่อไปนี้ครับ
1. ปรับตัวเอง
เราต้องเข้าไปเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้อย่ากลัวมันหรือมองข้ามมัน มันไม่ยากเหมือนที่เราคิดเท่าไร สิ่งสำคัญที่เราจะต้องเข้าใจระบบนี้อย่างถ่องแท้ว่าหลักการทำงานของมันเป็นอย่างไรในภาพรวม เราคงจะไม่เข้าไปศึกษาจนลึกซึ้งแบบเจาะลึก เพราะเราไม่ใช่ผู้ผลิต เมื่อเราเข้าใจระบบการทำงานของมัน เราก็จะสามารถวิเคราะห์ว่าระบบนี้ข้อดีหรือข้อด้อยคืออะไร เหมาะสมสำหรับงานแบบไหน หรือสถานที่อะไร ซึ่งจะทำให้เราสามารถอธิบายและให้คำแนะนำที่ถูกต้องให้กับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งเครื่องระบบนี้ เมื่อลูกค้ามีความเข้าใจดีก็สามารถปิดการขายได้ และจะไม่มีข้อโต้แย้งจากลูกค้าในภายหลังว่า เราไม่ได้อธิบายให้เขารับรู้อย่างชัดเจน
2. ปรับช่างประจำร้านของเรา
เราต้องสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ลูกน้องเราไปเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ ไปอบรมตามที่บริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ ได้จัดให้อยู่แล้ว อย่าไปกังวลว่าลูกน้องจะเก่งเกินเรา และจะหนีไปจากเราเมื่อเขาเรียนรู้แล้ว หากกังวลเรื่องนี้ก็ควรที่จะไปร่วมเรียนรู้กับเขาซะเลย เราจะได้รู้ว่าลูกน้องทำผิดหรือถูกอย่างไรในการทำงานจริงอย่าไปปิดกั้นความรู้เลยครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากลูกน้องอยู่กับเราไม่ได้ก็คืออยู่กับเราไม่ได้
บางท่านอาจจะแย้งว่า ต้องการสนับสนุนอยู่แล้วแต่ลูกน้องไม่อยากไปเรียน เพราะกลัวที่จะต้องไปเจอกับการคำนวณ แถมมีภาษาอังกฤษ จำยากและข้อแก้ตัวอีกมากมายหลายอย่างก็เลยทำให้ท้อ ไม่อยากไปเรียนหรือไม่กล้าที่จะไปเรียนเพราะกลัวมันยากเกินไป นั่นก็เป็นเรื่องลำบากเหมือนกัน สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือต้องอธิบายให้ช่างของเรารับรู้ว่า ถ้าหากเขาต้องกาความก้าวหน้าในอาชีพ นี่เป็นโอกาสของเขาแล้ว เขาต้องมองอนาคตของเขาแล้ว ส่วนเราก็ยอมแบกรับค่าใช้จ่ายเพื่อให้เขาแต่ละคนไปเรียน จะได้มาพัฒนางานให้ดีขึ้น
โดยสรุปมันถึงต้องเปลี่ยนความคิดทั้งของเราผู้เป็นเจ้าของกิจการและลูกน้อง ทั้งสองฝ่ายต้องมีการปรับตัว มิฉะนั้นก็เตรียมตัวเหี่ยวแห้งเฉาตายไปจากวงการไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่หากคุณยังคิดว่าอาชีพนี้ยังมีทางไปสำหรับคุณก็ควรที่จะต้องปรับความคิดของตัวเองและลูกน้องเถอะครับ ในอนาคตอาจจะมีระบบใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่ก็ได้ ที่สำคัญก็คือ เราเองต้องพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เสมอครับ
ขอบคุณที่มา : สมาคมผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย