สาระน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ (แผนกอนุรักษ์พลังงาน กฟฟ.)
แผนกอนุรักษ์พลังงาน กฟฟ.ชย.ฯ นำเสนอความรู้เรื่องเครื่องปรับอากาศ
เนื่องจากปัจจุบันค่าใช้จ่ายของการใช้พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ ทั้งในส่วนของหน่วยงาน และบ้านพักอาศัย จะปฏิเสธไม่ได้เลยที่ส่วนใหญ่จะมีที่มาจากการใช้เครื่องปรับอากาศ ดังนั้น แผนกอนุรักษ์พลังงาน กฟฟ.ชย.ทอ. จึงขอเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ เพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ
แผนกอนุรักษ์ ไฟฟ้า กองไฟฟ้า ชย.ทอ. ขอนำเสนอสาระน่ารู้การประหยัดพลังงานในการใช้งานเครื่องปรับอากาศ ซึ่งต้องทราบถึงลักษณะการทำงานของเครื่องปรับอากาศแต่ละชนิด การเลือกชนิด และขนาดให้เหมาะสมกับห้อง ตลอดจนต้องทราบถึงการติดตั้ง การใช้งาน และการบำรุงรักษาที่ถูกวิธีด้วย
ส่วนประกอบทั่วไปของเครื่องปรับอากาศ
- แผงท่อความท่อเย็น (Cooling Coil)
- คอมเพรสเซอร์ (Compressor)
- แผงท่อระบายความร้อน (Condensing Coil)
- พัดลมส่งลมเย็น (Blower)
- พัดลมระบายความร้อน (Condensing fan)
- แผ่นกรองอากาศ (Air Filter)
- หน้ากากเครื่องที่มีแผ่นเกร็ดกระจายลมเย็น (Louver)
- อุปกรณ์สำหรับปิด-เปิดเครื่อง (Remote Control)
- อุปกรณ์ป้อนสารทำความเย็น (Metering Device)
หลักการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศ ทำหน้าที่ นำพาความร้อนที่เกิดขึ้นในห้องต่างๆ ของบ้านพักอาศัย ผ่านทางแผงท่อทำความเย็นออกไปทิ้งภายนอกผ่านทางแผงท่อระบายความร้อน หากการพาความร้อนไปทิ้งเกิดขึ้นได้สะดวก ห้องต่างๆ ก็จะเย็นได้รวดเร็ว และสิ้นเปลืองไฟฟ้าน้อยด้วย
ขนาดการทำความเย็น และชนิดของเครื่องปรับอากาศ
- เครื่องแบบแยกส่วน มีขนาดตั้งแต่ 9,000 – 30,000 BTU ตัวเครื่องแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่อยู่ภายนอกห้อง เรียกว่า condensing unit ประกอบด้วย compressor แผงท่อระบายความร้อน และพัดลมระบายความร้อน และส่วนที่อยู่ภายในห้อง เรียกว่า fan coil unit มีหน้าที่ทำความเย็น ซึ่ง fan coil unit จะมีทั้งแบบที่ ติดเพดาน ติดผนัง หรือตั้งพื้น
- เครื่องแบบติดหน้าต่าง มีขนาดตั้งแต่ 9,000 – 24,000 BTU เหมาะสำหรับ อาคาร ตึกแถว หรือ ทาวน์เฮาส์ ที่ไม่สามารถติดตั้ง condensing unit ได้
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม
ขนาดของห้อง ความสูง 2.5 – 3 ม. และ 1 ตันความเย็น = 12,000 BTU
- ห้องรับแขก ห้องอาหาร ประมาณ 15 ตร.ม./ตันความเย็น
- ห้องนอนที่เพดานห้องเป็นหลังคา ประมาณ 20 ตร.ม./ตันความเย็น
- ห้องนอนที่เพดานห้องเป็นพื้นของอีกชั้นหนึ่ง ประมาณ 23 ตร.ม./ตันความเย็น
การปรับปรุงตัวบ้านก่อนการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
- ควรปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดดให้กับกระจก
- ติดตั้งกันสาด
- ติดตั้งฉนวนหรือฝ้าเพดานหลังคา
- พัดลม ระบายอากาศที่ติดตั้งในห้องอาหาร ควรมีขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 6 นิ้ว และควรเปิดใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็น ไม่ควรสูบบุหรี่ในห้องปรับอากาศ
- ห้องนอนไม่ควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศ
- ควรอุดรูรั่วรอบห้องให้สนิท
- ควรทาสีผนังภายนอกด้วยสีขาว หรือสีอ่อน
การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ
- ควร เลือกซื้อเครื่องที่มีเครื่องหมายการค้าที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และพิจารณาการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าที่ตัวเครื่องของผู้ผลิตด้วย
- ควรเลือกเครื่องที่ผ่านการรับรองการใช้พลังงานไฟฟ้า หมายเลข 5 หรือฉลากเบอร์ 5 ซึ่งแสดงว่าเป็นเครื่องที่ประหยัดพลังงาน
- ถ้าต้องซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 25,000 BTU/ชม. ให้เลือกเครื่องที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 1.25 กิโลวัตต์ต่อ 1 ตันความเย็น หรือมีค่า EER (Energy Efficiency Ratio) ไม่น้อยกว่า 9.6 BTU-ชม./วัตต์
การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
- ควรติดตั้ง fan coil unit และ condensing unit ให้ใกล้กันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- หุ้มท่อสารทำความเย็นด้วยฉนวนหนาประมาณ 0.5 นิ้ว
- ตำแหน่งติดตั้ง condensing unit ควรอยู่ในร่ม ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง
- อย่าให้ลมร้อนที่ระบายออกจากเครื่องชุดหนึ่งเข้าหาเครื่องอีกชุด
- ให้อากาศร้อนที่ระบายออกจากตัวเครื่องอยู่ในทิศทางเดียวกับกระแสลม
- ต้องให้ลมเย็นที่จ่ายออกจากตัวเครื่องสามารถกระจายไปได้ทั่วทั้งห้อง
การใช้งานเครื่องปรับอากาศ
- ปรับตั้งอุณหภูมิของห้องให้เหมาะสม
- ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน
- อย่านำสิ่งของไปกีดขวางทางลมเข้าและลมออกของ condensing unit ที่ตั้งอยู่ภายนอกห้อง
- อย่านำรูปภาพ หรือสิ่งของไปกีดขวางทางลมเข้าและลมออกของ fan coil unit ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
- ควรเปิดหลอดไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในห้องปรับอากาศเฉพาะเท่าที่จำเป็น
- หลีกเลี่ยงการนำเครื่องครัวที่มีความร้อนจัดเข้าไปในห้องปรับอากาศ
- ก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศประมาณ 15 นาที ควรเปิดห้องให้อากาศบริสุทธ์ภายนอกเข้าไปแทนที่อากาศเก่าภายในห้อง
- ปิดห้องให้สนิท ขณะเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ
- ไม่ควรปลูกต้นไม้ หรือตากผ้าในห้องปรับอากาศ
การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
- หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ จะประหยัดไฟฟ้าได้ประมาณ 5-7%
- ทำความสะอาดแผงท่อทำความเย็นทุก 6 เดือน
- ทำความสะอาดพัดลมส่งความเย็นทุก 6 เดือน
- ทำความสะอาดแผงท่อระบายความร้อนทุก 6 เดือน
- หากเครื่องปรับอากาศไม่เย็น เพราะสารทำความเย็นอาจรั่ว ต้องรีบตรวจหารอยรั่วแล้วแก้ไขโดยเร็ว พร้อมเติมสารทำความเย็นให้เต็มโดยทันที
- ตรวจสอบสภาพฉนวนหุ้มท่อทำความเย็นเสมอๆ