น้ำยาแอร์ที่ใช้ในประเทศไทย R-22 เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
เปิดอ่าน 5,317
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศนั้น เกิดจากภาวะที่โลกร้อนขึ้น ฤดูต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป เช่น ฤดูร้อนก็ร้อนขึ้น ฤดูหนาวก็หนาวลง บางประเทศอากาศหนาวแล้วยังมีฝนตกอีก อะไร ๆ ที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้น ทำให้นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ พยายามหันมาหาแพะรับบาป แล้วก็สรุปว่า สาเหตุหนึ่งในบรรดาหลาย ๆ สาเหตุที่เกิดขึ้นก็คือโลกร้อนขึ้น การที่โลกร้อนขึ้นเพราะว่ามนุษย์เราเป็นต้นเหตุ โดยเฉพาะการใช้พลังงานที่มากขึ้นเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดมลพิษและทำให้โลกร้อนขึ้น และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยกขึ้นมากล่าวอ้าง ซึ่งเราก็ยอมรับว่ามีส่วนอยู่ด้วยเหมือนกัน
น้ำยาแอร์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นจำเลยในการทำให้โลกร้อนขึ้น จึงได้เปลี่ยนจากน้ำยา R-22 ซึ่งมีคลอไรด์ผสมอยู่ ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลก มันจะทำลายชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกอยู่ ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์โดยเฉพาะแสงอุลตร้าไวโอเลตพุ่งเข้าหาโลกได้รวดเร็วขึ้น มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ พวกนักวิชาการจึงเอา R-410 มาใช้ทดแทน ซึ่งตัวใหม่นี้มีคุณสมบัติในการทำลายชั้นโอโซน (บรรยากาศโลก) น้อยลง แต่ขณะเดียวกันมันก็มีค่าความร้อนสูง คือมันทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น เรียกได้ว่ามีดีอย่างก็มีเสียอย่าง
จึงมีความพยายามต่าง ๆ เพื่อหาตัวที่เหมาะสมที่สุด ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการเปิดตัวน้ำยาอีกตัวหนึ่งเพื่อมาใช้ในระบบปรับอากาศ นั่นก็คือ R-32 ซึ่งมีการเปิดตัวจากค่ายแอร์ญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างของน้ำยาตัวนี้ที่ยังต้องมีการถกเถียงกันอีกว่าจะยอมรับกันได้ขนาดไหน
มีการพูดอยู่เสมอว่า เราเป็นปลายน้ำในเรื่องของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เราไม่ใช่ต้นน้ำในอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้ว่าไทยเองจะเป็นอันดับต้น ๆ ในการผลิตเครื่องปรับอากาศ แต่เราไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยี เราผลิตตามเทคโนโลยีของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นค่ายญี่ปุ่น อเมริกา หรือยุโรป ดังนั้นเราคงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดว่าจะใช้น้ำยาตัวใด ต้องรอให้พวกเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นต้นน้ำหาข้อสรุปก่อนแล้วเราค่อยทำตามต่อไป แต่อย่างน้อยพวกเราก็ต้องศึกษาว่าน้ำยาแต่ละตัวมีผลดีและผลเสียอย่างไร เวลาทำงานกับน้ำยาตัวต่าง ๆ เราต้องมีกระบวนการอย่างไร และต้องระมัดระวังในเรื่องใดบ้างเกี่ยวกับน้ำยานั้น เพราะพวกเราเป็นคนที่ทำงานกับมัน เราเป็นพวกปฏิบัติ ดังนั้นเราควรจะต้องเรียนรู้คุณสมบัติของน้ำยา ไม่ใช่เพียงแต่ว่า เขาบอกให้ใช้น้ำยาตัวไหนอย่างไรก็ใช้มันไปอย่างเดียว เราต้องเรียนรู้และรู้จักน้ำยาเหล่านี้ เพื่อเราจะทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีความระมัดระวังในการจัดการกับน้ำยาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาตัวใดก็ตาม
ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าน้ำยาตัวใดจะเป็นพระเอกในอุตสาหกรรมนี้ แต่คาดว่าในไม่ช้าไม่นาน พวกบริษัทฯ ผู้ผลิตก็คงมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน้ำยาตัวใหม่นี้ออกมาให้พวกเราได้รับรู้ว่ามันมีคุณสมบัติอย่างไร และเราต้องทำงานกับมันอย่างไร เมื่อเขาให้ข้อมูลเรา จำเป็นที่เราจะต้องศึกษา และเรียนรู้มันอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ อย่าละเลยนะครับ พวกเราต้องไม่ประมาทในการทำงานครับ