อย่ารอช้า! ถ้าเจอ 7 สัญญาณเตือนสังเกตง่าย ว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องล้างแอร์
อย่าคิดว่าการล้างแอร์ไม่สำคัญ! เพราะแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเปิดใช้งานเพื่อทำความเย็นและเกิดการหมุนเวียนอากาศอยู่เสมอ อากาศที่หมุนเวียนเข้าออกผ่านการทำงานของแอร์ ควรเป็นอากาศที่มีคุณภาพดีและสะอาดสดชื่น เพื่อส่งผลต่อสุขภาพปอดที่ดี การล้างแอร์เป็นประจำสม่ำเสมอจึงนับว่ามีส่วนสำคัญ และนี่คือ 7 สัญญาณเตือนที่บอกว่าถึงเวลาที่ควรล้างแอร์แล้ว
7 สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาล้างแอร์
1. มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ถ้าหากการเปิดใช้งานแอร์แล้วมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับ นับว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าแอร์ของคุณควรถึงเวลาล้าง โดยกลิ่นเหล่านี้อาจมีที่มาจากการสะสมของเชื้อรา แบคทีเรีย คราบสกปรกต่างๆ ที่ก่อตัวในแผ่นกรองหรือคอยล์ อันเนื่องมาจากความชื้นที่มากเกินไป หรือท่อระบายน้ำทิ้งมีปัญหาก็เป็นได้ หากได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่าลืมที่จะล้างแอร์ทันที
2. มีปัญหาเรื่องความชื้น
โดยความชื้นที่มากเกินไปในอากาศ อาจมีสาเหตุมาจากการที่ท่อระบายน้ำทิ้งเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดการสะสมความชื้น และส่งผลต่อเนื่องมาทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี จนเกิดการสะสมที่ส่วนคอยล์ และทำให้ประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนของคอยล์ลดลงและใช้พลังงานมากขึ้น ความชื้นยังเป็นสาเหตุที่ทำให้อากาศที่หมุนเวียนมีคุณภาพแย่ลง และห้องที่ชื้นเกินไป ยังทำให้เกิดความเสียหายต่อผนัง วอลเปเปอร์ เฟอนิเจอร์และพรมอีกด้วย ดังนั้นหากห้องไหนมีความชื้นสูงเกินจนผิดสังเกต อย่าลืมตรวจสอบและทำการล้างแอร์
3. การไหลและการหมุนเวียนของอากาศลดลง
หนึ่งในสัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดเจนว่าแอร์ของเราควรได้รับการล้าง ก็คือการหมุนเวียนของอากาศลดลง ซึ่งสังเกตได้จากลมแอร์ที่อ่อนกว่าปกติ นั่นก็เป็นเพราะว่ามีฝุ่นสะสมอยู่ในแผ่นกรองอากาศอย่างหนาแน่น จนขัดขวางการไหลของอากาศ และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์และการทำความเย็นลดลงนั่นเอง
4. ท่อนำสารทำความเย็นแข็งตัว
โดยท่อเหล่านั้นมักจะทำมาจาก เหล็ก พลาสติก หรือยาง ซึ่งหากแข็งตัวและเกิดการอุดตันจากน้ำแข็งเนื่องมาจากขาดการดูแลรักษา ก็จะทำให้ Comressor ของแอร์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสะสม อาจจะทำให้แอร์เกิดความเสียหายได้ หากพบความผิดปกติอย่างเช่นสัญญาณในข้อนี้ ก็ควรดูแลบำรุงรักษาอย่างเร่งด่วน
5. มีเสียงผิดปกติ
หากระหว่างการทำงานเกิดเสียงผิดปกติ ให้สันนิษฐานว่าชิ้นส่วนบางชิ้นอาจเกิดความเสียหายหรือแตกหัก รวมถึงอาจจะมีจากสาเหตุมาจากการที่แอร์ทำงานหนักขึ้นเนื่องจากเกิดความสกปรกสะสม ทำให้ต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม ทางแก้ไขคือนอกจากจะเรียกช่างมาตรวจสอบแล้ว ควรล้างแอร์ทันที เพื่อให้แอร์กลับมาทำงานได้แบบปกติอีกครั้ง
6. รอบการทำงานผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้ว แอร์จะมีการตั้งค่าการทำงานโดยตั้งให้มีระยะของรอบการทำงานที่เหมาะสมต่อประสิทธิภาพในการทำความเย็น แต่ถ้าหากคุณสังเกตได้ถึงความผิดปกติของรอบการทำงานที่มีการเปิด-ปิดถี่ขึ้น ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเกิดความผิดปกติขึ้น และต้องตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำงานที่ผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากการที่แอร์สกปรกได้เช่นเดียวกัน
7. ค่าไฟเพิ่มขึ้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่สังเกตได้ว่าค่าไฟพุ่งสูงขึ้น ในขณะที่การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิม นี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าแอร์ของคุณควรถึงเวลาล้างแอร์แล้ว! นั่นก็เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่แอร์มีความสกปรกสะสม ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความร้อนจะลดลง แอร์จึงต้องใช้พลังงานในการแลกเปลี่ยนความร้อนเพิ่มขึ้น ค่าไฟจึงแพงขึ้นนั่นเอง
ควรพิจารณาระดับการล้างแอร์แบบไหนจึงจะเหมาะสม
การล้างแอร์ สามารถทำได้ตั้งแต่ระดับเบื้องต้นด้วยตนเองที่บ้าน ไปจนถึงระดับจัดเต็มแบบผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเราสามารถพิจารณาได้เองเบื้องต้นดังนี้
1. การล้างแบบธรรมดาเบื้องต้น
สำหรับรูปแบบนี้ จะเป็นการล้างแอร์ที่ทำความสะอาดภายนอกของแอร์ รวมถึงทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ เป็นขั้นตอนของการทำความสะอาดที่เราสามารถทำได้เองที่บ้าน และสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพราะการทำความสะอาดไม่ยุ่งยากซับซ้อน และไม่ต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติม
2. การทำความสะอาดแบบจัดเต็ม
จะเป็นการทำความสะอาดที่ลงรายละเอียดไปมากกว่าในข้อที่ 1 ซึ่งจะเป็นการยกเครื่องการทำความสะอาด ที่รวมไปถึงอุปกรณ์ในตัวแอร์อื่นๆ เช่น คอยล์เย็น คอยล์ร้อน รวมถึงพัดลมโพรงกระรอก อาจจะมีการถอดชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาทำความสะอาดด้านนอกเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการล้างแอร์ที่ดีขึ้น รวมถึงอาจจะต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ซึ่งหากเราต้องการล้างแอร์แบบที่มากกว่าปกติ การเลือกใช้บริการจากบริษัทล้างแอร์ จะช่วยอำนวยความสะดวกตรงนี้ได้มากทีเดียว
ล้างแอร์กับเชียงใหม่แอร์แคร์: บริการล้างแอร์แบบจัดเต็ม ด้วยช่างแอร์ผู้ชำนาญการ สะอาด สดชื่น แน่นอน
3. การทำความสะอาดแบบใช้สารเคมีร่วมด้วย
รูปแบบสุดท้าย จะมีรายละเอียดเหมือนกับรูปแบบที่ 2 แต่ในบางครั้งการล้างแอร์ด้วยน้ำเฉยๆ อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการล้างไม่ดีพอ การใช้สารเคมีเฉพาะสำหรับทำความสะอาดคอยล์ จะช่วยลดคราบสกปรกสะสมที่ล้างออกยาก เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นระยะเวลานาน จะทำให้สะอาดมากขึ้นนั่นเอง
อย่าลืม! หากมีสัญญาณเตือน 7 ข้อตามที่กล่าวไปข้างต้น ควรตรวจสอบสภาพการทำงานของแอร์โดยด่วน และอย่าลืมวางแผนตารางการล้างแอร์ เพื่อการทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้แอร์มีการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพและอากาศที่บริสุทธิ์ของทุกคนในครอบครัว