วิธีเลือกใช้งาน และวิธีการดูแลรักษา แอร์บ้าน ให้อยู่กับเราไปนานๆ
หลายคนคงกำลังพบปัญหาค่าไฟสูงอยู่ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะเกิดจากการเลือกใช้แอร์ที่ไม่เหมาะสม หรือใช้แบบไม่ถูกต้องอยู่ วันนี้จึงขอนำวิธีเลือกใช้งานและดูแลรักษาแอร์มาเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้นำไปใช้เป็นแนวทาง รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามได้เลยดังนี้
1. เลือกใช้แอร์ให้เหมาะสม
พยายามเลือกใช้แอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง คือให้ความเย็นมากแต่ใช้พลังงานน้อย โดยให้เลือกจากการใช้พลังงาน หากเป็นวัตต์หรือแอมป์ให้เลือกที่ค่าน้อย หรือให้ดูจากค่า COP หรือ ค่า EER โดยให้เลือกที่มีค่ายิ่งสูงยิ่งดี
2. ใช้แอร์อย่างถูกต้อง
- ควรติดตั้งเทอร์โมสตัทให้อยู่ใกล้กับคอยล์อีวาพอเรเตอร์ในตำแหน่งที่ลมหันกลับเข้าเครื่อง
- เมื่อเริ่มเปิดเครื่องควรปรับระดับความเร็วพัดลมที่ความเร็วสูงก่อนเพื่อจะทำให้เย็นเร็วขึ้น หลังจากเย็นได้ที่แล้วจึงค่อยปรับลดไปเป็นลมต่ำ
- ไม่ควรนำเฟอร์นิเจอร์หรือนำสิ่งของไปวางกีดขวางทางลมเข้า-ออกของคอนเดนซิ่งยูนิตเนื่องจากจะทำให้เครื่องไม่สามารถระบายความร้อนออกมาได้ และไม่ควรวางขวางหน้าเครื่องเป่าลมเย็น เนื่องจากจะทำให้เครื่องต้องทำงานขึ้น
- ตั้งอุณภูมิให้เหมาะสม โดยควรตั้งที่ 25 องศา ในห้องที่มีการทำกิจกรรมหรือมีคนอยู่เยอะ เช่นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ควรตั้งไว้ที่ 24 องศา
- ปิดแอร์ทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ หรือตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ
3. ลดความร้อนหรือความชื้นที่เกิดจากภายในและภายนอกห้อง
- เปิดหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ภายในห้องเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากในหลอดไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า จะมีความร้อนออกมาขณะเปิดใช้งาน ซึ่งส่งผลให้มีความร้อนออกมาทำให้อุณภูมิห้องสูงขึ้น และทุกครั้งที่ใช้งานเสร็จควรปิดทุกครั้ง
- นำอุปกรณ์ที่ให้ความร้อนมากออกมาใช้นอกห้อง เช่น เครื่องเป่าผม เตารีด เครื่องปิ้งขนม ฮีตเตอร์ แต่สำหรับเครื่องหุงต้มทุกชนิดที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ให้ใช้วิธีการติดตั้งฝาครอบระบายอากาศช่วย
- หากไม่ได้ใช้งานห้องหรือก่อนที่จะเปิดแอร์ประมาณ 2 ชั่วโมง ควรเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อให้อากาศภายนอกเข้ามาแทนที่อากาศในห้อง ซึ่งจะช่วยลดกลิ่นอับต่างๆ ได้
- เมื่อเปิดใช้งานแอร์ ควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศร้อนจากภายนอกหลุดลอดเข้ามา เพราะจะทำให้อุณหภูมิในห้องสูง และเครื่องต้องทำงานหนักขึ้น
- ไม่ควรตากผ้าหรือปลูกต้นไม้ไว้ภายในห้องที่มีแอร์ เนื่องจากความชื้นที่ออกจากผ้าจะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น
4. ติดฉนวนกันความร้อนที่ตัวบ้าน
โดยให้ติดฉนวนที่บริเวณเพดาน ฉนวนก็ได้แก่ แผ่นสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ซึ่งจะติดตั้งที่บริเวณหลังคา หรืออาจจะใช้วิธีการติดตั้งกระจก 2 ชั้นแทน เพื่อลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่คุ้มค่าเนื่องจากประโยชน์ได้ที่รับค่อนข้างยาวนาน
5. ดูแลบำรุงรักษาแอร์อย่างสม่ำเสมอ
- ทำความสะอาดแผงท่อระบายความร้อน ด้วยการใช้เแปรงนิ่มๆ และใช้น้ำฉีด โดยให้ทำความสะอาดทุก 6 เดือน เพื่อให้เครื่องสามารถระบายความร้อนภายในห้องออกไปยังอากาศภายนอกได้ดี
- ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้เครื่องจ่ายความเย็นได้อย่างเต็มที่
- ทำความสะอาดแผงท่อทำความเย็นทุก 6 เดือน โดยให้ใช้แปรงนิ่มๆ น้ำสะอาดผสมสบู่เหลว ค่อยๆ แปรง
- ทำความสะอาดพัดลมส่งลมเย็นทุก 6 เดือน ด้วยแปรงขนาดเล็ก เพื่อขจัดฝุ่นที่จับกันเป็นแผ่นแข็งติดอยู่ตามซี่ใบพัด
- เมื่อแอร์ไม่เย็น ให้ทำการตรวจสอบ หากเกิดจากสารทำความเย็นรั่วไหล ให้รีบหารอยรั่วและแก้ไขโดยเร็ว
- อย่าให้เกิดการฉีกขาดของฉนวนหุ้มท่อสารทำความเย็น ดังนั้นจึงควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
- ให้ช่างผู้ชำนาญช่วยตรวจสอบซ่อมแซมสภาพเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
เมื่อเลือกใช้แอร์ที่เหมาะสม และรู้จักวิธีดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ย่อมทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือยังช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าไฟลดลงตามไปด้วยนั่นเอง