รางวัลอาเซียน เอนเนอร์ยี อวอร์ด ปี 2014
อาเซียน เอนเนอร์ยี อวอร์ด ถือเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจในชาติสมาชิกตระหนักถึงการใช้พลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานได้ดี รางวัลนี้แบ่งเป็นการมอบรางวัล 4 ประเภท คือ
- โครงการพลังงานทดแทน
- โครงการบริหารจัดการพลังงานดีเด่น
- อาคารอนุรักษ์พลังงานดีเด่น
- โครงการถ่านหิน ส่วนในประเทศไทยก็มีการจัดการประกวด
"ไทยแลนด์ เอนเนอร์ยี อวอร์ด" ทุกปี โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน แต่ในไทยมีการจัดประกวดเพียง 3 จาก 4 ประเภท โดยไม่มีการจัดประกวดโครงการถ่านหิน ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลไทยแลนด์ เอเนอร์ยี อวอร์ด ก็จะถูกส่งเข้าไปประกวดในอาเซียน เอนเนอร์ยี อวอร์ด ต่อไป
การประกวดอาเซียน เอนเนอร์ยี อวอร์ด จัดขึ้นที่กรุงเวียงจันทน์ ครั้งที่ 32 โดยมี 8 ประเทศ ส่งโครงการเข้าประกวด ได้แก่ อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย ในปีนี้ไทยเป็นชาติที่กวาดรางวัล อาเซียน เอนเนอร์ยี อวอร์ด ไปมากที่สุด 13 รางวัล จาก 45 รางวัล และครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 นายธรรมยศ ศรีช่วย รองอธิบดีกรม พพ.กล่าวว่า การที่ไทยได้รับรางวัลจำนวนมากในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินนโยบายด้านพลังงานของไทยที่พร้อมจะเป็นผู้นำในด้านการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในระดับอาเซียน
หนึ่งใน 13 รางวัล ที่โครงการเอกชนไทยได้รับ มีรายชื่อของห้างสรรพสินค้าที่คุ้นหูอย่าง "ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต" ที่ได้รับรางวัลโครงการบริหารจัดการพลังงานดีเด่น ประเภทอาคารขนาดใหญ่
ฟิวเจอร์พาร์ค มีนโยบายลดการใช้พลังงานทั้งระบบแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศ ปรับสภาพน้ำใช้แล้วบางส่วนมาใช้รดน้ำต้นไม้ใหม่ และทำการรีไซเคิลขยะ ที่สามารถลดปริมาณขยะที่เป็นภาระในการกำจัดได้ถึง 1,800 ตันต่อปี ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554
ทั้งนี้ ห้างฟิวเจอร์ พาร์ค มีทั้งมาตรการอนุรักษ์พลังงานด้านการจัดการที่ไม่ต้องลงทุน และต้องใช้เงินลงทุน โดยเลือกปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2554-2556) สามารถลดการใช้พลังงานถึง 5,264,781 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งประหยัดได้กว่า 19 ล้านบาท ใช้เงินลงทุนรวมราว 109 ล้านบาท และจะคืนทุนในอีกราว 5 ปีครึ่ง
การสนับสนุนของภาครัฐที่จัดให้มี ไทยแลนด์ เอนเนอร์ยี อวอร์ด ต่อเนื่องไปยังระดับอาเซียน เป็นนโยบายที่ดีเยี่ยมในขณะที่โลกใฝ่หาพลังงานอย่างสูง ที่สำคัญประเด็นเหล่านี้คงขับเคลื่อนไม่ได้เช่นกัน หากขาดภาคธุรกิจที่เอาใจใส่ และประชาชนที่ร่วมกันตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
ขอบคุณที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์